สร้างตราประทับครั่งสุดพรีเมียมด้วยเครื่องเลเซอร์ Ray Mark 3D Station 60W

สร้างตราประทับครั่งสุดพรีเมียมด้วยเครื่องเลเซอร์ Ray Mark 3D Station 60W

ตราประทับครั่ง หรือ Wax Stamp คือเครื่องหมายที่ใช้ในการประทับลงบนครั่งซึ่งหลอมเหลว เพื่อตรึงสัญลักษณ์หรือข้อความลงบนเอกสารและซองจดหมาย โดยมีความเป็นมาที่ยาวนานตั้งแต่สมัยโรมัน
และยุคกลางในยุโรป ที่ชนชั้นสูงและองค์กรต่าง ๆ ใช้เป็นสัญลักษณ์แทนลายเซ็น เพื่อแสดงความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของเอกสาร แนวคิดการออกแบบตราประทับในยุคแรกเริ่ม เน้นไปที่
ตราสัญลักษณ์ประจำตระกูล ราชวงศ์ หรือหน่วยงานสำคัญ ซึ่งสะท้อนถึงอำนาจ เกียรติ และความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว กาลเวลาทำให้การออกแบบตราประทับพัฒนาไปตามยุคสมัย ทั้งในด้านศิลปะ
ความละเอียด และการแฝงความหมายเชิงสัญลักษณ์

ในปัจจุบัน ตราประทับครั่งไม่ได้ถูกจำกัดไว้เพียงงานราชการหรือเอกสารสำคัญอีกต่อไป แต่กลับได้รับความนิยมในงานสร้างสรรค์หลากหลาย เช่น งานแต่งงาน ของขวัญหรู งานออกแบบแบรนด์
หรือการตกแต่งที่ต้องการบ่งบอกถึงความพิเศษและเอกลักษณ์เฉพาะตัว วิธีการสร้างตราประทับแบบดั้งเดิมนั้นเริ่มจากการแกะสลักลายลงบนแผ่นโลหะหรือไม้ แล้วนำไปติดตั้งเป็นหัวตรา จากนั้น
เมื่อใช้งานจะหลอมครั่งให้ละลายและหยดลงบนพื้นผิว ก่อนจะกดตราประทับลงไปเพื่อสร้างลวดลายที่ชัดเจนและถาวร กระบวนการนี้แม้จะงดงามและมีเสน่ห์ แต่ก็ใช้เวลาและต้องอาศัยฝีมือของช่าง
ที่สร้างตราประทับเป็นอย่างมาก

การใช้เลเซอร์แกะตราประทับ
แต่ในยุคปัจจุบัน การสร้างตราประทับด้วยวิธีดั้งเดิมคงหายากมากแล้วครับ เนื่องจากต้องใช้เวลาและทักษะสูง การสร้างตราในปัจจุบันจึงหันมาใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง การแกะสลักด้วยเลเซอร์
และเครื่อง CNC เข้ามาแทนที่ ซึ่งทั้งสองวิธีช่วยให้กระบวนการทำงานสะดวก รวดเร็ว และแม่นยำกว่าวิธีเก่าอย่างมาก โดยเลเซอร์มีข้อเด่นเรื่องความละเอียดของลายที่ซับซ้อนและการทำงานกับวัสดุ
หลายชนิด ส่วนเครื่อง CNC เหมาะกับการกัดลึกและชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อน ด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้ผลลัพธ์ที่ได้จึงมีคุณภาพสูง คมชัด และพร้อมใช้งานได้จริงในระดับมืออาชีพ

ทำไมต้องเลือกใช้เครื่องเลเซอร์ Ray 3D ในการแกะสลักตราประทับ
แน่นอนว่าการแกะตราประทับด้วยเลเซอร์และ CNC ต่างก็มีข้อดีของตัวเอง แต่การเลือกใช้เครื่องเลเซอร์ RAY MARK 3D Station 60W ก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับการสร้างตราประทับมากกว่า
เนื่องจาก

  • ความทรงพลัง สามารถแกะสลักโลหะได้ทุกชนิด ตั้งแต่ทองเหลือง สแตนเลส อะลูมิเนียม เหล็ก ไปจนถึงหิน ทำให้ใช้งานได้หลากหลายกว่า CNC
  • ละเอียดมาก เหนือกว่าดอกกัดของ CNC ที่ขนาดเล็กสุด ทำให้สามารถสร้างลวดลายซับซ้อนและตัวอักษรขนาดเล็กได้อย่างคมชัด
  • ความแม่นยำสูง ช่วยลดความผิดพลาด และลดเวลาการปรับแต่งหลังแกะสลัก

รองรับขนาดพื้นงานถึง 110×110 มม. จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสร้างตราประทับคุณภาพสูง วันนี้เราจะมาออกแบบและสร้างตราประทับของ 3DD เป็นตัวอย่างไอเดียสำหรับผู้ที่ต้องการทำ
ตราประทับขายหรือใช้ในธุรกิจของตัวเอง

การเตรียมไฟล์สำหรับเลเซอร์
ขั้นตอนแรกก่อนที่จะเลเซอร์แกะตราประทับของเรา ก็ต้องมีไฟล์ซะก่อน โดยไฟล์ที่จะนำไปเลเซอร์ด้วย Ray Mark 3D เครื่องเลเซอร์ 3 มิติ ได้นั้นมีอยู่ 2 แบบนั่นก็คือ ไฟล์ Text/Logo 2 มิติ
และไฟล์ 3 มิตินูนต่ำ โดยก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกับระบบการทำงานของโปรแกรมควบคุมเครื่องเลเซอร์กันซะก่อน โดยเครื่องเลเซอร์จะมีโปรแกรมควบคุมที่ชื่อว่า “Laser Emboss” ซึ่งเป็นโปรแกรม
ที่ควบคุมให้มีการเลเซอร์ลึกลงไปแบบ 3 มิติ อาศัยหลักการคล้ายเครื่อง 3D Printer ถ้าใครเคยใช้เครื่อง 3D Printerมาก่อนก็จะเข้าใจว่าต้องมีการ Slice ไฟล์

การ Slice ไฟล์คือการหั่นไฟล์ 3 มิติ ออกเป็นชั้นๆ เหมือน Layer Cake และทำงานที่ละชั้น เช่น พิมพ์ที่ละชั้น(สำหรับเครื่องพิมพ์) หรือเลเซอร์แกะสลักทีละชั้น (สำหรับเครื่องเลเซอร์ 3 มิติ) แม้จะอาศัย
หลักการทำงานเดียวกัน แต่สำหรับ Ray Mark 3D จะต่างออกไปซะหน่อยในส่วนของไฟล์ที่นำมา Slice โดยเครื่องพิมพ์จะใช้ไฟล์ 3 มิติ สกุล .obj .stl หรืออื่นๆมา Slice เพื่อส่งพิมพ์ แต่สำหรับเครื่อง
Ray Mark 3D จะมีกระบวนการทำงานเพิ่มขึ้นมาคือ ไฟล์ 3 มิติ→ไฟล์ภาพ Depth Map (เรนเดอร์ตามพื้นที่สูง-ต่ำ)→Slice ในโปรแกรมพร้อมเลเซอร์ เพราะโปรแกรมของเครื่องจะนำเข้าได้เฉพาะ
ไฟล์ภาพ (สกุล jpg. bmp. png และ .tiff) แล้วนำไฟล์ภาพที่ได้มา Slice ตามค่าสีขาว-ดำ 0-255 (Gray- Scale) ทำให้เลเยอร์ที่ Slice ได้ถูกจำกัดให้สูงสุดได้ที่ 255 ชั้นเท่านั้น

ตัวอย่างไฟล์ 3 มิติ(ซ้าย) เมื่อนำไปเรนเดอร์ Depth Map (ขวา) จะเห็นว่าส่วนที่นูนจะสีขาวสว่างกว่าส่วนที่ลึก
ตัวอย่างไฟล์ภาพ Depth Map ที่นำมา Slice ในโปรแกรม Laser Emboss

ส่วนไฟล์ 2 มิตินั้นก็ง่ายๆเลยคือเซฟไฟล์ภาพ เช่น Text หรือ Logo มาเป็นสีขาวสุดกับดำสุด โดยพื้นที่ ที่ต้องการให้เลเซอร์กัดลึกลงไปให้เป็นสีดำ ส่วนพื่นที่ที่ต้องการเว้นไว้ไม่เลเซอร์ให้เป็นสีขาว
โดยการเลเซอร์ไฟล์ 2 มิติ จะได้เปรียบกว่า คือทุกเลเยอร์จะมีการ Slice ออกมาหน้าตาเหมือนกันหมดเลยทั้ง 255 Layer (ต้องเป็นสีขาวสุดและดำสุด โดยไม่มีสีเทาปน และความละเอียดภาพคมชัด)
ทำให้เราสามาเลเซอร์ให้ลึกลงไปได้เรื่อยๆเท่าที่ต้องการเลย

ตัวอย่างไฟล์ภาพขาวดำ(ซ้าย) และผลลัพธ์เมื่อนำไปเลเซอร์รจริง(ขวา)

ออกแบบและRender
ในการออกแบบตราประทับของเรา แน่นอนว่าต้องตามเทรนกันซะหน่อยด้วยการใช้ AI ช่วยออกแบบ เนื่องจากผมเคยลองใช้ Chat-GPT มาพอสมควรแล้ว วันนี้จะลองใช้ตัว Gemini ของ Google ดูบ้าง
ก็นับว่าประมวลผลภาพค่อนข้างไวกว่า Chat-GPT เลย อาจเพราะ Chat-GPT ตอนนี้มีคนใช้ค่อนข้างเยอะเลยทำให้ช้าก็ได้ โดย Prompt ที่สั่งให้ Ai ช่วยออกแบบคือ ” ออกแบบตราประทับครั่ง สำหรับร้าน
ขายเครื่องพิมพ์ 3 มิติ Print 3DD โดยอยากให้สื่อถึงเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ 3 มิติ มีการผสมผสานกันระหว่างศิลปะโบราณยุคโรมัน และความทันสมัยของเทคโนโลยีปัจจุบัน ให้คำว่า 3DD เด่นอยู่ตรงกลาง
และองค์ประกอบอื่นๆจัดวางรอบๆ” โดยผลงานที่ Ai ออกแบบให้ก็จะประมาณนี้

ยิ่งเขียนข้อมูลละเอียด AI ก็ยิ่งทำงานดีขึ้น

เมื่อได้ภาพคอนเซ็ปของ Logo 3 มิติ ของเรามาแล้วขั้นตอนต่อไปคือการสร้างโมเดล 3 มิติ แต่ต้องขอบอกก่อนว่าถึงแม้ โดยผมจะลองให้ Ai Generate โมเดล 3 มิติจากภาพของเราซะก่อน เผื่อนำไปทำ
เป็นต้นแบบในการสร้างไฟล์ 3 มิติที่สมบูรณ์ของเราได้ แต่หลังจากลองทำก็เห็นว่า โครงสร้างโดยรวมใช้ได้ แต่รายละเอียดส่วนใหญ่ไม่สมบูรณ์ แสดงว่าเราจะต้องมาสร้างกันใหม่ ไม่รอช้าเราก็จะ
สร้างไฟล์ใหม่กันเลย โดยใช้ไฟล์ที่สร้างมาเป็นตัว Guide ให้กับโมเดลที่เราจะขึ้นใหม่

สร้างโครงสร้างพื้นฐานทรงกระบอกกลม และตัวอักษร

เริ่มแรกผมก็จะสร้างรูปทรงแผ่นกลมมาก่อนจากนั้นเพิ่มเส้นขอบ แล้วเอาคำว่า 3DD มาจากไฟล์ Guide เพื่อมาทำใหม่ โดยผมลองเพิ่มลูกเล่นโดยการทำให้ดูเป็นชั้นๆ จะได้สื่อถึงการพิมพ์ 3 มิติ

เพิ่มมิติให้ตัวอักษร 3DD ดูเป็นชั้น Layer

จากนั้นผมก็จะสร้างโครงสร้างที่รองลงมาอย่างหัวพิมพ์ แล้วค่อยไล่เติมรายละเอียดเล็กๆ พวกแผงวงจร ฟันเฟือง สายไฟ และลวดลายต่างๆ ผมลองเพิ่มไอเดียด้วยการโยงจากปลายหัวพิมพ์
มาที่ 3DD ให้ดูเหมือนว่าหัวพิมพ์นั้นกำลังพิมพ์คำว่า 3DD อยู่

สร้างส่วนหัวพิมพ์และเพิ่มลวดลาย

สุดท้ายก็เติมรายละเอียดที่เป็นส่นฟันเฟือง ลายแผงวงจรที่พื้นหลังและสายไฟต่างๆ

สร้างองค์ประกอบที่เป็นฟันเฟือง
เพิ่มรายละเอียดพื้นหลังที่เป็นแผงวงจร

ผลงงานที่เสร็จสิ้นก็จะประมาณนี้ พร้อมนำไฟล์ไปเรนเดอร์

การเรนเดอร์ คือการประมวลผลไฟล์ 3 มิติ ให้เป็นไฟล์ภาพ ซึ่งการเรนเดอร์ภาพจะสามารถสร้างภาพออกมาได้หลายประเภท แบบแยกประองค์ประกอบต่างๆออกจากกันเพื่อให้เลือกใช้หรือทำงานได้ยืดหยุ่น
เรียกว่าการ Render Pass เช่น เอาเฉพาะส่วนไฮไลท์ของไฟล์ 3D หรือเอาเฉพาะส่วนเงามืด เอาเฉพาะสี เป็นต้น ในกรณีนี้เราจะเรนเดอร์ภาพโดยเอาเฉพาะส่วนที่บ่งบอกถึงจุดที่นูนหรือลึกของไฟล์ 3D
ของเรา เรียกว่าการเรนเดอร์ Depth Map โดยส่วนที่นูนที่สุดจะเป็นสีขาว และส่วนที่ลึกที่สุดจะเป็นสีดำ และส่วนที่นูนกลางๆ ก็จะเป็นสีเทา จะเข้มหรืออ่อนก็ขึ้นอยู่กับระดับความสูง ซึ่งโปรแกรมที่ใช้เรนเดอร์
ภาพ Depth Map ได้ก็มีหลายโปรแกรมอย่าง Blender ( สามารถดูวิธีการเรนเดอร์ Depth Map ด้วยBlender ได้ที่นี่ )หรือ Zbrush ส่วนผมจะทำจบใน Zbrush เลยโดยไปที่ Render>BPR Render Pass
>กด Render จากนั้น Save ไฟล์ Depth Map ออกมา

ตัวอย่างภาพ Depth Map ที่ได้จากการเรนเดอร์ไฟล์ตราประทับ 3DD ของเรา

แต่ก่อนที่จะนำไฟล์ภาพ Depth Map ที่ได้ไปใช้เลเซอร์ได้เราต้องเช็คความถูกต้องเสียก่อนโดยอย่างแรกจะเห็นว่าไฟล์ที่นำมาเรนเดอร์เป็นภาพที่นูนออกมาเป็นตัวอักษร แต่ผลลัพธ์ที่เราอยากได้นั้นคือ
การเลเซอร์กัดลึกเข้าไปในตราประทับ ดังนั้นเราต้องกลับสีภาพหรือ Invert สีภาพ และอย่าที่สองคือเราต้อง Flip ด้านของภาพสลับซ้าย-ขวาด้วย เพื่อให้เวลานำไปปั้มครั่งแล้วโลโก้ของเราจะอ่านได้
ถูกต้อง

ไฟล์ที่ถูกกลับสี และกลับด้านพร้อมนำไปเลเซอร์

การเลเซอร์
เมื่อได้ไฟล์มาแล้วเราก็มาในส่วนของเครื่องเลเซอร์กันเลย โดยเราจะยังไม่เลเซอร์ทันที เพราะเนื่องจากว่า Ray Mark 3D เป็นเครื่องเลเซอร์ที่สามารถเลเซอร์วัสดุได้หลากหลายมาก ซึ่งแต่ละวัสดุก็มีความ
แข็ง-อ่อน ต่างกันไปทำให้การตั้งค่าเครื่องต้องสร้างค่าเฉพาะสำหรับวัสดุนั้น โดยวัสดุที่เราเลือกใช้ในวันนี้คือทองเหลือง เพราะมีเนื้อที่ละเอียดกว่าโลหะอย่างอลูมิเนียม และไม่เกิดสนิมเหมือนเหล็ก
ฉะนั้นก่อนที่เราจะรู้ได้ว่าวัสดุนี้ตั้งค่าการเลเซอร์ประมาณไหนเราต้องทำการทดสอบซะก่อน


ค่าที่ต้องตั้งสำหรับเครื่องเลเซอร์จะมีหลักอยู่ 4 ส่วนคือ ความเร็ว, กำลัง, จำนวนชั้น และระยะเลื่อนหัวเลเซอร์ลงเมื่อเลเซอร์เสร็จแต่ละชั้น โดยส่วนที่สำคัญที่สุดก็อยู่ที่ระยะเลื่อนลงของหัวเลเซอร์นี่แหละ
ที่สำคัญที่สุด เพราะอย่างที่บอกว่าวัสดุแต่ละชนิดแข็งไม่เท่ากัน ฉะนั้นหลักการตั้งค่าถ้าคิดง่ายๆเลยก็คือ วัสดุเนื้ออ่อนโดนเลเซอร์แล้วเป็นรอยลึกลงได้ได้ง่าย ระยะหัวเลเซอร์จะเลื่อนลงเมื่อยิงเสร็จ 1 เลเยอร์
มากกว่าการเลเซอร์วัสดุแข็ง ที่เลเซอร์กินเนื้อยากต้องตั้งค่าให้เลื่อนลงทีละน้อย เราต้องตั้งค่าให้ใกล้เคียงความจริงที่สุด

วิธีการทดสอบก็ไม่ยากมาก

  • ลองเลเซอร์รูปสี่เหลี่ยมเล็กๆดูก่อน อาจลองตั้งค่าการเลเซอร์ไว้ 100 เลเยอร์ก็ได้
  •  เมื่อเลเซอร์เสร็จโปรแกรมจะรายงานผลว่าหัวเลเซอร์เลื่อนลงทั้งหมด 100 เลเยอร์เป็นระยะเท่าไหร่ เช่น 1 มม.
  • ลองดูที่ชิ้นงานจริงว่าลึกลง 1 มม.จริงมั้ย หากมากกว่า 1 มม.แสดงว่าวัสดุค่อนข้างอ่อนกว่าค่าที่ตั้งไว้ ให้ลองเพิ่มระยะการเลื่อนลงมากขึ้น และทดสอบจนกว่าจะสัมพันธ์กัน
  • หากลึกน้อยกว่า 1 มม. แสดงว่าวัสดุค่อนข้างแข็งให้ลดระยะการเลื่อนลง และทดสอบจนกว่าจะสัมพันธ์กัน

***หมายเหตุ : ขั้นตอนนี้ควรตั้งค่าส่วนอื่นๆให้เสร็จก่อน (ความแรง, ความเร็ว, ความละเอียด) และสามารถจดค่านี้ไว้ใช้กับวัสดุเดียวกันไปได้ตลอด การทดสอบนี้ทำเฉพาะเมื่อต้องการเลเซอร์วัสดุใหม่
เป็นครั้งแรก และเรายังไม่รู้ค่า

เมื่อได้การตั้งค่าตรงกับวัสดุทองเหลืองของเราแล้ว ก็ Import ไฟล์ภาพ Depth Map ของเราเข้ามาในโปรแกรม จากนั้นกำหนดขนาด (ผมตั้งค่าที่28×28 มม.) และค่าอื่นๆให้เรียบร้อย ปรับโฟกัส
เครื่องเลเซอร์และกด Laser Guide Preview ดูพื้นที่การเลเซอร์ ขยัยชิ้นงานให้ตรงตำแหน่งที่ต้องการ เราจะต้องติดชิ้นงานแผ่นทองเหลืองไว้กับที่ไม่ให้ขยับ โดยผมจะใช้กาวดินน้ำมันที่ไม่ละลายง่าย
หากโดนความร้อนจากเลเซอร์ เรียบร้อยแล้วก็กดเริ่มเลเซอร์ได้เลย

ไฟล์ Depth Map ของเราเมื่อนำเข้าโปรแกรมเลเซอร์


งานนี้ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ก็เสร็จแล้ว (ขึ้นอยู่กับความลึกที่ต้องการหากไม่ต้องการลึกมาก สามารถใช้เวลาน้อยลงได้ด้วยการปรับความเร็วขึ้น) ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะประมาณนี้


เราสามารถเลเซอร์โดยใช้กำลังต่ำๆ เพื่อเคลียร์เขม่าคราบดำที่ผิวงานให้ดูสะอาดขึ้นได้


สำหรับหลายๆคนที่ถามมาว่าใช้ตัดได้มั้ย ก็ต้องบอกว่าสามารถประยุกต์ใช้ตัดได้ แต่ไม่แนะนำ!! เพราะอะไรไปดูกัน โดยเราจะมาตัดแผ่นทองเหลืองหนา 3 มม.ให้ดูกัน จะเห็นได้ว่าใช้เวลาค่อนข้างนานเลย
1 เลเยอร์ใช้เวลาถึง 34 วินาทีซึ่งกว่าจะขาดเราต้องเลเซอร์ซ้ำๆไปหลายร้อยเลเยอร์ แผ่นทองเหลืองจึงจะขาดซึ่งการตัดนี้กินเวลาไปเกือบทั้งวัน หากใครจะใช้ตัดคงจะไม่คุ้มแน่นนอนแนะนำว่าใชแค่สำหรับ
แกะสลักแล้วค่อยตัดด้วยเครื่องมืออื่นจะดีกว่า


ลองงานใช้จริง และผลงานที่ได้
หลังจากทำความสะอาดขัดแต่งเพิ่มเติมแล้ว ตราประทับของเราก็จะสวยงามแบบนี้เลย



สุดท้ายเราก็จะมาลองใช้ตราประทับที่แกะด้วยเครื่องเลเซอร์มาปั้มจริงหรือดูกัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะประมาณนี้ครับ ลวดลายชัดเจนครบถ้วนสวยงาม