ความแตกต่าง FDM กับ SLA

ความแตกต่าง FDM กับ SLA

สวัดดีครับ วันนี้มีความรู้พื้นฐานง่ายๆ ที่เกี่ยวเครื่องปริ้น 3 มิติ หรือ 3D Printer เราจะมาอธิบายเรื่องระบบของเครื่องปริ้น 3D ซึ่งจะมีระบบหลักๆ คือ

  • 1. FDM (Fused Deposition Modeling) หรือ FFF (Fused Filament Fabrication) เป็นระบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ใช้กันหลายหลายที่สุด เนื่องจากใช้งาน ค่อนข้างปลอดภัย ราคาไม่แพง มีวัสดุให้เลือกหลากหลาย หลักการทำงานของระบบนี้จะทำการหลอมละลายเส้นพลาสติกด้วยความร้อน และฉีดเส้นพลาสติกขนาดเล็ก(เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.04mm) ออกมาเครื่องจะทำการวาดเส้นพลาสติกนี้ให้ออกมาเป็นรูปร่างโดยทำไปที่ละชั้นต่อกันไปเรื่อยๆ FDM/FFF 3D Printer คืออะไร? , ความรู้ 3D Printer สำหรับมือใหม่
  • 2. SLA (Stereolithography) ขึ้นรูปแสง UV บนน้ำเรซิ่น เมื่อเรซิ่นโดนแสงที่จุดหนึ่งๆเปลี่ยนเป็นของแข็งที่จุดนั้น ใช้หลักการนี้ในการสร้างรูปร่าง 3มิติขึ้นมา แหล่งกำเนิดแสงมีหลายแบบ หากเป็นเลเซอร์จะเรียกกว่า SLA หากแหล่งแสงจากProjectorเรียก DLP, หากใช้ LCD เรียก MSLA หรือ LCD 3D Printer ราคาเริ่มต้นหลักหมื่น จนถึงระดับอุตสหกรรมหลักล้าน

    – ต่อมาเราจะมาอธิบายเรื่องวัสดุที่ใช่กับตัวเครื่อง.ถ้าเกิดดูจากรูปก็เห็นได้ว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง/ระบบ FDM จะเป็นเส้นๆเหมือนเชือก/ส่วนระบบ SLA Resin

    -ความแตกต่างของการใส่วัสดุ

    -เราจะเปรียบเทียบงาน FDM กับ SLA ให้ดูครับ ความละเอียดดูจากรูปก็รู้เลยว่าเป็นยังไงงานสีเทาเท่าระบบ SLA งานสีเขียว ระบบ FDM

    -จะมาอธิบายงาน SLA ส่วนมามากงาน SLA หลักๆเลยนะครับจะเหมาะกับงานหัตกกรมจัดฟันใสเพราะงาน SLA พอปริ้นเสร็จงานจะเนียนเลยไม่เห็นเป็น Layer เหมือน FDM

    -จะมาอธิบายระบบ FDM ดูจากรูปก็เห็นได้เลยว่าจะเห็นเป็น Layer งานจะไม่สวยเท่า SLA ระบบนี้สุดท้ายถ้าอยากให้สวยก็ต้องนำไปคัดมันจะไม่จบที่เดี๋ยวเหมือน SLA

    ผมจะมาสรุปสั่นๆให้นะครับก็คือ2ระบบนี้จุดประสงค์ของสองระบบนี้ก็คือเอาไปทำเหมือนกันแต่ที่แตกต่างกันคือความละเอียด งาน SLA เสร็จไม่ต้องคัด FDM ปริ้นเสร็จต้องเอาไปคัดต่อหรือไม่คัดก็ได้ขึ้นอยู่ว่าเราเอาไปทำอะไรต่อ ขอบคุณครับที่เข้ามาอ่านบทความนี้.ของให้เป็นแนวทางความรู้เกี่ยวกับ 3D Printter