มาครบทีมแล้ว 3พี่น้อง Raptor Series เรียงราคามาเลย เหมือน iPhone, Pro, Max สแกนได้เหมือนกัน แต่แรงต่างกัน
⚡Raptor Series มี 3รุ่นตามงบลูกค้า ⚡
✅Raptor น้องเล็กสุด NIR + Laser Parallel 7เส้น
✅Raptor Pro น้องกลาง NIR + Laser Parallel 7เส้น + Cross Laser 22เส้น
✅Raptor Pro พี่ใหญ่ NIR + Laser Parallel 7เส้น + Cross Laser 34เส้น
🔍Raptor เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการ Laser Scanner แต่มีงบประมาณจำกัด อาจจะสแกนช้าหน่อย ของใหญ่กว่า 50ซม. สแกนได้แต่ช้ากว่า เพราะมีแค่ Parallel ต้องติด Marker มากกว่า
🔍Raptor Pro อยู่ตรงกลาง สำหรับคนที่ต้องการ สแกนทั้งของเล็ก ทำได้ดทุกอย่างเหมือนตัวน้อง Raptor ของใหญ่ก็ทำได้เพราะ Cross Laser แต่ก็ยังกั๊ก ตัวแรงสุดอย่าง Raptor X สามารถสแกนของใหญ่ได้ก็จริง แต่ก็ยังช้ากว่า Raptor X มาก หลายๆ Feature ยังกั๊กให้ตัวแพงอย่าง X
🔍Raptor X ตัวสุดใน Series เพราะสแกนได้ทั้งเล็กและ ใหญ๋ ฟังก์ชั่นจัดเต็ม สำหรับใครที่ต้องสแกนของใหญ่กว่า 1เมตร ก็ควรจะเลือกตัวนี้
ราคาเปิดตัว
🔰Raptor ราคา 39,900 เครื่องเปล่า 52,800 รวมตัว Bridge ไร้สาย
🔰Raptor Pro ราคา 69,900 เครื่องเปล่า 82,800 รวมตัว Bridge ไร้สาย
🔰Raptor X ราคา 116,100 เครื่องเปล่า 129,000 รวมตัว Bridge ไร้สาย
ง่ายในการเลือก
👌Raptor สำหรับคนงบจำกัด
👌Raptor X สำหรับคนที่สแกนทั้งเล็ก และ ใหญ่ แรงที่สุด
👌Raptor Pro สำหรับคนที่ลังเลระหว่าง 2ตัวแรก
Showing all 3 results
-
HotInfraredLaser
Creality CR-Raptor สแกนสามมิติ Wireless NIR | Parallel Laser 7
12,900.00 ฿ – 39,900.00 ฿ Select options This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page -
HotInfraredLaser
Creality Raptor Pro สแกนสามมิติ Wireless NIR | Parallel Laser 7 | Cross Laser 22
12,900.00 ฿ – 69,900.00 ฿ Select options This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page -
HotInfraredLaser
Creality Raptor X สแกนสามมิติ Wireless NIR | Parallel Laser 7 | Cross Laser 34
12,900.00 ฿ – 129,000.00 ฿ Select options This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page
เปรียบเทียบทั้ง 3 รุ่น ระหว่าง Creality Raptor, Raptor Ppro และ Raptor X : เจาะลึกความสามารถในการสแกนงานจริง
ในยุคที่เทคโนโลยี 3 มิติ เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น การมี 3D scanner ที่มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งก็มีหนึ่งค่ายอย่างเจ้าตลาด Creality แบรนด์ดังในวงการ 3D printing ได้เปิดตัว 3D scanner 3 รุ่นล่าสุดอย่าง Raptor, Raptor Pro และ Raptor X ซึ่งมีคุณสมบัติที่น่าสนใจ แต่ก็ยังข้อแตกต่างกันบางคนอาจจะสับสนว่าจะเลือกเครื่องไหนดีถ้าไมีติดเรื่องของงบประมาณ ดังนั้นในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกความสามารถของ 3D scanner ทั้ง 3 รุ่นนี้ในการสแกนงานทั้งจริงในแบบต่างๆ เช่น งานขนาดเล็กเน้นไปที่ลายละเอียดของผิวและสี งานที่มีทั้งความเงาความและดำ สุดท้ายงานขนาดใหญ่ เพื่อให้คุณผู้อ่านสามารถตัดสินใจเลือก 3D Scanner ที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ
ความแตกต่างอย่างแรกเลยระหว่าง Raptor, Raptor Pro และ Raptor X นั้น เดี๋ยวเรามาดูอุปกรณ์ภายนกล่องกันแบบเปรียบเทียบกันเลยครับ
1. ขนาดของกล่องทั้ง 3 รุ่น
Creality Raptor นั้นจะมาพร้อมกล่องกันกระแทกที่แข็งแรง เหมาะสำหรับการพกพาออกเดินทางไปใช้งานในสถานที่ต่างๆ แม้กระทั้งการจัดเก็บก็สามารถป้องกันการเสียหายที่จะเกิดกับตัวเครื่องและอุปกรณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดีเลยครับ
- กล่อง Raptor : 350x310x150 mm.
- กล่อง Raptor Pro : 350x310x150 mm.
- กล่อง Raptor X : 470x360x380 mm.

2.อุปกรณ์ภายในกล่อง
ในส่วนของ Raptor และ Raptor Pro นั้นจะมีอุปกรณ์ที่มาให้ภายในกล่องเหมือนกัน แต่ในส่วนของ Raptor X จะมีอุปกรณ์การเชื่อมต่อไรสายอย่าง Scan Bridge มาพร้อมกับตัวเครื่องอยู่ภายในกล่องเลยถืดว่าเป็นจุดดีมากเนื่องด้วยราคาที่สูงกว่าทั้ง 2 รุ่น ในส่วนนี้จึงทำให้เราสามารถถือแค่กล่องเพียงใบเดียวพกพา เดินทางไปทำงานนอกสถานที่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น แต่ส่วน Raptor และ Raptor Pro ถ้าต้องการจะเชื่อมต่อแบบไรสายด้วยจะต้องซื้อ Scan Bridge เพิ่มที่ราคา 12,900 บาท และจะเป็นกระเป๋าแยกออกมาอีก 1 ใบ ซึ่งทำให้อาจจะเพิ่มความลำบากต่อการพกพาไปทำงานสักนิดหนึ่ง อันนี้ก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนนะครับ
- Raptor และ Raptor Pro ไม่มีเจ้าตัว Scan Bridge wireless แถมมาด้วยซึ่งการทำงานจริงๆ จะต้องเชื่อมต่อผ่านสาย Cable ที่แถวมาให้ภายในกล่องอยู่แล้ว โดยการเสียบเข้ากับ PC หรือ Notebook ผ่านช่องของ USB-A , USB-C (แต่สามารถซื้อเจ้าตัว Scan Bridge wireless เสริมให้กับ Raptor ได้ในราคา 12,900 บาท)
- Raptor X นั้นในราคาที่แพงกว่า Raptor จะมีโหมดการสแกนที่เรียกว่า 34-Cross Laser line ด้วยและร่วมทั้งมาพร้อมกับ Scan Bridge wireless อุปกรณ์เชื่อมเต่อไร้สายในระหว่างการทำงานสแกน เดี๋ยวยังไงเรามาดูเรื่องของการทดสอบการสแกนกันเลนดีกว่าระหว่าง 2 รุ่นนี้แตกต่างกันอย่างไร และเครื่องไหน เหมาะกับใครบ้าง ซึ่งใครที่กำลังที่จะตัดสินใจในการเลือกว่าจะซื้อรุนไหนดี ราคาถูก หรือจะเพิ่มเงินไปจัดตัวที่ราคาแพงเลยดีมาดูกันที่โพสนี้ได้เลยครับ
3.ทดสอบการสแกนงานจริง ทั้ง 3 รุ่น
3.1 ทดสอบสแกนงาน ขนาดเล็ก พร้อมทั้งเก็บสี
ขนาดของชิ้นงานที่นำมาสแกนอยู่ที่ 50x50x80 mm. เป็นชิ้นงานเรซิ่นทำสีที่มีรายละเอียดของผิวงานที่ค่อนข้างเยอะและเล็ก ซึ่งตัวเครื่องทั้ง 3 รุ่นสามารถสแกนงานเล็กเริ่มต้นได้ที่ขนาด 5x5x5 mm. นะครับ แต่ส่วนตัวมองว่าถ้าจะสแกนพวกเหรียญ 10 บาท รายละเอียดจะยังไม่ได้ชัดเจนมากนักถามว่าสแกนได้ไหมสแกนได้ครับ

จากภาพด้านล่างจะเห็นความความแตกต่างของทั้ง 3 รุ่น ในการสแกนงานแบบเก็บสีความละเอียดของ Camera อยู่ที่ 2.3 MP และเก็บสีได้แบบ Full-Color ที่ 24 Bit ซึ่งเป็นความละเอียดเดียวกันอันนี้ทางเราใช้โหมด 7-Parallel Laser Line ในการสแกนนะครับ แต่เราสามารถเปิด Camera ในการเก็บสีด้วยได้แบบทำงานพร้อมกันเลยดีมากเลยีเดียวกับ จะเห็นความที่ภาพอาจจะมีสีที่ต่างกันเล็กน้อยซึ่งน่าจะมาจากปัจจัยภายนอกอย่างเช่น แสงภายนอก ตำแหน่งการวาง และอื่นๆ ใช้เวลาในการสแกนได้รวดเร็วซึ่งรวมสแกนอยู่ที่ประมาณ 2 นาที

ในด้านของการสแกนรายละเอียดเมื่อปิดสีออก ของทั้ง 3 รุ่น Raptor, Raptor Pro และ Raptor X นั้นก็ไม่ได้ต่างกันเลย เนื่องด้วยใช้โหมดเดียวกัน 7-Parallel Laser Line ที่เน้นสแกนความละเอียดสูงที่ 0.02 mm. จะต่างกันจริงๆ คือความมเร็วเมื่อสแกนวัตถุที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอันนี้จะเห็นผลเป็นอย่างมาก ถ้างานขนาดเล็กถึงกลาง (10-300 mm.) นั้นรายละเอียดและความเร็วไมต่างกันครับ

สรุปง่ายๆ ตามตารางด้านล่างนี้ครับ สำหรับการสแกนงานขนาดเล็ก แบบเก็บสีด้วย
3.2 ทดสอบสแกนงาน สีดำและงานโลหะเงา
ถ้าเรานำทั้ง 3 เครื่องมาสแกนงานแบบเดียวกันที่มีขนาดกลาง ไม่ได้เล็กและไม่ได้ใหญ่มาก แต่ผิวของชิ้นงานเป็นแบบโลหะบางส่วนมีสีดำ ลองดูสิว่าทั้ง 3 รุ่น จะสามารถสแกนได้ไหม ซึ่งจริงๆจากข้อมูลในเอกสาร Creality Raptor และ Raptor X มีควมสามารถในการสแกนวัตถุที่มีพื้นผิวเงาและสีดำ แตกต่างกันบ้างเล็กน้อย ซึ่งจากชิ้นงานด้านล่างนั้นถ้าวัดที่เวลาในการสแกร Raptor ใช้เวลา 10 นาที Raptor Pro ใช้เวลา 7 นาที และ Raptor X ใช้เวลาเพียง 5 นาที ลองดูข้อมูลด้านล่างครับ
ในด้านของการสแกนรายละเอียดเมื่อผิวที่เป็นโลหะ ของทั้ง 3 รุ่น Raptor, Raptor Pro และ Raptor X นั้นก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ แต่ที่จะต่างคือความเร็วในการสแกนงาน เพราะ เนื่องด้วย Raptor มีโหมดเลเซอร์สแกนเพียง 1 โหมดคือ 7-Parallel Laser Line เท่านั้นทำให้การที่จะเก็บผิวของชิ้นงานนั้นจะช้ากว่า Raptor Pro ถึง 25% และช้ากว่า Raptor X ถึง 50% ส่วนเจ้า Raptor Pro นั้นจะใช้เวลเซอร์สแกนได้ทั้ง 7-Parallel Laser Line และ 22-Cross Laser Line จึงทำให้เร็วกว่า Raptor แต่จะช้ากว่า Raptor X อยู่ประมาณ 30% และเครื่องสุดท้ายอย่าง Raptor X นั้นจะใช้เลเซอร์สแกนได้ทั้ง 7-Parallel Laser Line และ 34-Cross Laser Line จึงทำให้เร็วกว่าทั้ง 2 รุ่น Cross Laser line มากกว่า Raptor Pro อยู่ 12 เส้น เลยทำให้เร็วกว่าในกรณีที่สแกนพื้นผิว



สรุปง่ายๆ ตามตารางด้านล่างนี้ครับ สำหรับการสแกนงาน
3.2 ทดสอบสแกนงานขนาดใหญ่ สีดำและเงา
ถ้าเรานำทั้ง 3 เครื่องมาสแกนงานแบบเดียวกันที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอย่างเช่นฝากระโปรงรถยนต์ขนาดประมาณ 2-3 เมตร ลองดูสิว่าทั้ง 3 รุ่น จะสามารถสแกนได้ไหม ความเร็วของแต่ละตัวจะออกมาเป็นยังไงซึ่งผลที่ได้คือรุ่น
- Raptor : จะต้องติด marker point เยอะกว่า Raptor pro และ Raptor X ซึ่ง Raptor จะสามารถใช้งานการสแกนด้วยเลเซอร์ได้เพียงแค่แบบ Parallel lines เพียง 7 เส้นทำให้การสแกนจะทำได้ช้าสำหรับงานที่มีขนาดใหญ่กว่าจะสแกนเสร็จจะใช้เวลาประมาณ 35 นาที
- Raptor Pro : จะติด Marker point ได้ห่างกว่า Raptor และมีเลเซอร์โหมดแบบตาข่าย 22-Cross laser lines ทำให้สแกนพื้นผิวของชิ้นงานได้รวดเร็วมากกว่า 7-Parallel laser lines อยู่ที่ 25% ขึ้นไปตามขนาดงาน แต่ยังจะช้ากว่า Raptor X อยู่พอสมควร งานชิ้นนี้ใช้เวลาสแกนประมาณ 25 นาที
- Raptor X : จะติด Marker point ได้ห่างกว่า Raptor แต่เท่ากับ Raptor Pro และมีเลเซอร์โหมดแบบตาข่ายมากกว่า Raptor Pro อยู่ที่ 34-Cross laser lines ซึ่งเลเซอร์มากกว่า 12 เส้น ทำให้สแกนพื้นผิวของชิ้นงานได้รวดเร็วมากกว่า Raptor ถึงเท่าตัว และเร้วกว่า Raptor Pro อยู่ประมาณ 30% ขึ้นไปตามขนาดงาน งานชิ้นนี้ใช้เวลาสแกนประมาณ 15 นาที



Mesh ที่ได้ของ Raptor จะใช้ได้เพียงเลเซอร์โหมดที่เป็น 7-Parallel laser lines เท่านั้นซึ่งจะเก็บรายละเอียดได้ดีมาก แต่ถ้าสแกนส่วที่เป็นผิวที่เรียบๆ ขนาดใหญ่จะทำได้ค่อนข้างช้ามากๆ ส่วนตัว Raptor Pro และ Raptor X จะใช้เลเซอร์โหดสแกนได้ทั้ง 2 แบบ ทั้ง Parallel laser lines และ Cross laser lines แต่ระหว่าง Raptor Pro จะมีเลเซอร์แบบ Cross อยู่ที่ 22 เส้น ส่วนตัว Raptor X จะมีเลเซอร์แบบ Cross อยู่ที่ 34 เส้น ต่างกันอยู่ที่ 12 เส้น ทำให้ Raptor X จะสแกนงานได้เร็วกว่ามากถึง 50% เมื่อเทียบกับ Raptor และ 30% เมื่อเทียบกับ Raptor Pro ถ้าต้องการจะเลือกลองพิจารณาจากงบประมาณที่มีอยู่แล้วก็งานที่เราจะนำไปใช้สแกนครับ แต่ถ้าไม่ได้ติดปัญหาเรื่องงบที่จะใช้ซื้อแนะนำข้ามไปเล่นที่ Raptor X เลยครับ



สรุปง่ายๆ ตามตารางด้านล่างนี้ครับ สำหรับการสแกนงานขนาดเล็ก แบบเก็บสีด้วย
Creality Raptor : เป็น 3D scanner ที่ออกแบบมาสำหรับผู้เริ่มต้น และผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการความคุ้มค่าคุ้มราคา ด้วยราคาที่ไม่แพงและใช้งานง่าย ทำให้ Raptor เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลองใช้ 3D scanner หรือผู้ที่มีงบประมาณจำกัด มีทั้ง 7-Parallel laser lines และมีอินฟราเรดโหมดสแกนแบบไม่ต้องใช้ Marker point ได้อีกด้วย **ถ้าต้องการสแกนแบบไร้สายต้องซื้อ Scan bridge เพิ่ม
จุดเด่น **ถ้าต้องการสแกนแบบไร้สายต้องซื้อ Scan bridge เพิ่ม
- ความแม่นยำ: ให้ความแม่นยำในระดับที่ดี เหมาะสำหรับการสแกนวัตถุขนาดเล็กถึงกลางที่ไม่ต้องการรายละเอียดสูงมากนัก
- ความเร็ว: สแกนได้รวดเร็วพอสมควร แต่อาจจะยังไม่เทียบเท่า Raptor Pro และ Raptor X
- การใช้งาน: ใช้งานง่ายและสะดวก
- ความสามารถในการสแกนวัตถุเงาและดำ : สามารถสแกนผิวที่มีความเงาของโลหะได้ และก็ส่วนที่เป็นสีดำก็สามารถสแกนได้เช่นกัน แต่อาจจะช้ากว่า Raptor Pro และ Raptor X เนื่องด้วยถ้าจะเก็บพื้นผิวของชิ้นงานนั้น Raptor จะมีเพียงแค่โหมดการสแกนแบบ Parallel Laser 7 Line เท่านั้น
- ความละเอียด : Laser scan 0.02 mm @100 mm. /และ NIR 0.1 mm.
- ขนาดวัตถุที่เหมาะสม : สามารถสแกนวัตถุ 5 มิลลิเมตร ไปจนถึงขนาดกลาง แนะนำที่ได้ถึง 2 เมตร
Creality Raptor Pro : เป็น 3D scanner ที่ออกแบบมาสำหรับผู้เริ่มต้น และผู้ใช้งานมืออาชีพ ที่ต้องการความคุ้มค่าคุ้มราคา ด้วยราคากลางๆ และใช้งานง่าย ทำให้ Raptor Pro เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหา 3D Scanner ที่มีความคุ้มค่าที่สุดอีก 1 ตัว ที่สามารถสแกนได้ทั้งงานขนาดเล็กไปจนถึงใหญ่ ด้วยโหมดการสแกนเลเซอร์ที่ได้ทั้ง 7-Parallel laser lines และ 22-Cross laser lines แล้วยังมีอินฟราเรดโหมดสแกนแบบไม่ต้องใช้ Marker point ได้อีกด้วย **ถ้าต้องการสแกนแบบไร้สายต้องซื้อ Scan bridge เพิ่ม
จุดเด่น
- ความแม่นยำ: ให้ความแม่นยำในระดับที่ดีมาก เหมาะสำหรับการสแกนวัตถุขนาดเล็กถึงใหญ่
- ความเร็ว: สแกนได้รวดเร็วกว่า Raptor ประมาณ 25% แต่อาจจะยังไม่เทียบเท่า Raptor X
- การใช้งาน: ใช้งานง่ายและสะดวก
- ความสามารถในการสแกนวัตถุเงาและดำ : สามารถสแกนผิวที่มีความเงาของโลหะได้ และก็ส่วนที่เป็นสีดำก็สามารถสแกนได้เช่นกัน แต่อาจจะช้ากว่า Raptor X เนื่องด้วยในโหมดเลเซอร์สแกนจะมีเลเซอร์ จำนวน 22 เส้น แต่เจ้า Raptor X มีเลเซอร์ถึงจำนวน 34 เส้น
- ความละเอียด : Laser scan สูงสุดที่ 0.02 mm+0.08mm. /และ NIR 0.075mm.+0.1mm/m.
- ขนาดวัตถุที่เหมาะสม : สามารถสแกนวัตถุ 5 มิลลิเมตร ไปจนถึงขนาดกลาง แนะนำที่ได้ถึง 4 เมตร
Creality Raptor X : เหมาะสำหรับมืออาชีพและผู้ที่ต้องการความแม่นยำสูง เป็น 3D scanner ที่ได้รับการอัพเกรดให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เหมาะสำหรับมืออาชีพและผู้ที่ต้องการความแม่นยำสูงในการสแกน ที่มาพร้อมการอุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สายทำใทห้การสแกนงานขนาดใหญ่ได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นมากกว่า Raptor ถึง 50% และมากกว่า Raptor Pro ถึง 25% โดยประมาณครับ
จุดเด่น
- ความแม่นยำ :ให้ความแม่นยำในระดับที่ดีมาก เหมาะสำหรับการสแกนวัตถุขนาดเล็กถึงใหญ่
- ความเร็ว : สแกนได้เร็วกว่า Raptor ถึง 50% และ Raptor Pro ถึง 25% อย่างเห็นได้ชัด
- การใช้งาน : ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น รองรับการสแกนวัตถุขนาดใหญ่และวัตถุสีดำ/เงาได้ดีกว่า
- ความสามารถในการสแกนวัตถุเงาและดำ : สามารถสแกนวัตถุที่มีพื้นผิวสีดำและเงาได้โดยตรง โดยไม่ต้องใช้สเปรย์ เนื่องจากมีเทคโนโลยีการสแกนที่หลากหลายกว่า
- ความละเอียด : Laser scan สูงสุดที่ 0.02 mm+0.05mm. /และ NIR 0.075mm.+0.1mm/m
- พกพา: น้ำหนักเบา พกพาสะดวก มาพร้อม Scan Bridge wireless
- ขนาดวัตถุที่เหมาะสม : สามารถสแกนวัตถุตั้งแต่ขนาด 5 มิลลิเมตร ไปจนถึงขนาดใหญ่ ที่แนะนำได้ถึง 4 เมตร
เหมาะสำหรับ
-
- มืออาชีพที่ต้องการ 3D scanner ประสิทธิภาพสูง
- ผู้ที่ต้องการสแกนวัตถุขนาดใหญ่ เช่น กันชนรถยนต์
- ผู้ที่ต้องการสแกนวัตถุที่มีพื้นผิวสีดำหรือเงา
- ผู้ที่ต้องการความแม่นยำและความเร็วในการสแกนสูง
- งานที่ต้องการความแม่นยำสูง: งานตรวจสอบคุณภาพในอุตสาหกรรม, งานวิศวกรรมที่ต้องการความละเอียดสูง, งานออกแบบที่ต้องการความแม่นยำในการวัดขนาด
- งานที่ต้องการความเร็วในการสแกนสูง: งานที่ต้องสแกนวัตถุจำนวนมาก, งานที่ต้องการความรวดเร็วในการได้ข้อมูล 3 มิติ
- งานเฉพาะทางอื่นๆ: งานที่ต้องการข้อมูล 3 มิติที่มีความละเอียดสูง, งานที่ต้องการความสามารถในการสแกนวัตถุที่หลากหลาย