Lidar Scanner สแกนอุโมงค์ยักษ์เชื่อมผืนป่าทับลาน จ. ปราจีนบุรี

การสำรวจอุโมงค์มักถูกมองว่าเป็นภารกิจที่เต็มไปด้วยความลึกลับและความท้าทาย พื้นที่มืดสนิท แสงสว่างแทบไม่เข้าถึง และเส้นทางที่ซับซ้อน ทำให้การเก็บข้อมูลเป็นเรื่องยาก แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ความท้าทายเหล่านี้กำลังถูกเปลี่ยนเป็นโอกาสใหม่ในการค้นพบ LiDAR  SLAM100 เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การสแกนพื้นที่ใต้ดินทำได้อย่างแม่นยำ แม้ในสภาวะที่ไม่มีสัญญาณ GPS ข้อมูลที่ได้สามารถสร้างเป็นแผนที่สามมิติที่สมจริงและครบถ้วน ช่วยให้นักวิจัยและนักอนุรักษ์มองเห็นรายละเอียดที่ไม่เคยถูกบันทึกมาก่อน การนำเทคโนโลยีนี้มาสำรวจ อุโมงค์ทับลาน เขาใหญ่ จึงไม่ใช่เพียงการทำแผนที่ แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่ความรู้ใหม่ของธรรมชาติและภูมิประเทศที่ซ่อนอยู่ใต้ผืนป่า ความท้าทายของการสแกนในอุโมงค์ไม่ได้มีแค่เรื่องความมืดและพื้นที่แคบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสภาพพื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ความชื้นสูง และเส้นทางที่คดเคี้ยว ซึ่งล้วนส่งผลต่อความต่อเนื่องของข้อมูล LiDAR การใช้ระบบ SLAM100 จึงเป็นคำตอบสำคัญ เพราะสามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้ดี ลดการสูญเสียข้อมูล และคงความแม่นยำในการสร้างโมเดลสามมิติแม้ในสภาวะสุดขั้ว

การสแกนในอุโมงค์ทับลานครั้งนี้ใช้ SLAM100 บนหลังรถกระบะ แล้วขับเข้าสำรวจตามแนวเส้นทางภายในอุโมงค์ การเคลื่อนที่ของรถถูกควบคุมให้อยู่ที่ความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นจังหวะที่เหมาะสมต่อการเก็บข้อมูล ทำให้เซนเซอร์สามารถจับรายละเอียดของผนังอุโมงค์และสภาพโดยรอบได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่เกิดช่องว่างของข้อมูล วิธีนี้ช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้าง และลดเวลาในการปฏิบัติงานภาคสนามเมื่อเทียบกับการเดินเท้าสแกนทีละจุด ผลลัพธ์ที่ได้คือแบบจำลองสามมิติที่สมบูรณ์และมีความละเอียดสูง ผนัง พื้นผิว และโครงสร้างต่าง ๆ ภายในอุโมงค์ถูกบันทึกไว้อย่างครบถ้วน ราวกับยกอุโมงค์ทั้งเส้นออกมาไว้ในโลกดิจิทัล ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ทั้งในเชิงวิจัย การตรวจสอบโครงสร้าง และการอนุรักษ์พื้นที่ธรรมชาติ

ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าดีมาก เกินกว่าที่คาดไว้ ข้อมูลที่บันทึกออกมามีความละเอียดสูง สามารถมองเห็นสภาพผนังอุโมงค์ในทุกมิติ ทั้งรอยแตก ความโค้งเว้า และลักษณะของพื้นผิวได้อย่างชัดเจน แบบจำลองสามมิติที่สร้างขึ้นมีความต่อเนื่องสมบูรณ์ ไม่มีช่องว่างของข้อมูล ทำให้สามารถนำไปวิเคราะห์เชิงวิศวกรรมหรือใช้เพื่อการอนุรักษ์ได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ยังช่วยลดเวลาการประมวลผลลงอย่างมาก เพราะข้อมูลที่ได้มีคุณภาพสูงตั้งแต่ต้นทาง

เมื่อได้ Point Cloud จากการสแกน LiDAR ด้วย SLAM100 แล้ว ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปต่อยอดได้หลากหลาย เช่น

• การทำแผนที่สามมิติ (3D Mapping): สร้างแบบจำลองที่แม่นยำของอุโมงค์และภูมิประเทศ เพื่อใช้ในการสำรวจ วางแผนงาน หรือการนำเสนอเชิงวิชาการ

• การวิเคราะห์โครงสร้าง (Structural Analysis): ตรวจสอบความแข็งแรงของผนังอุโมงค์ ดูการทรุดตัวหรือรอยร้าวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

• งานด้านภูมิสารสนเทศ (GIS): ผสานข้อมูลเข้ากับระบบแผนที่ดิจิทัล เพื่อใช้ในการวางแผนจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม

• งานวิจัยและอนุรักษ์: เก็บข้อมูลเป็นหลักฐานเชิงดิจิทัลสำหรับการศึกษาทางธรณีวิทยา และการอนุรักษ์พื้นที่ธรรมชาติในระยะยาว

• การนำเสนอเชิงท่องเที่ยวเสมือนจริง (Virtual Tour): ใช้ Point Cloud พัฒนาเป็นประสบการณ์เสมือนจริงให้ผู้สนใจเข้าถึงพื้นที่ได้แม้ไม่สามารถเข้าไปในอุโมงค์จริง