ในปีนี้เทคโนโลยี 3D Scanner ได้พัฒนาอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ละแบรนด์ก็ทำการแข่งขันกันอย่างดุเดือด เพื่อทำจะผลิต Scanner ที่คุ้มค่าที่สุดให้ลูกค้าได้ใช้งาน ซึ่ง 3DD เราก็เป็นตัวแทนจำหน่าย
3D Scanner หลากหลายรุ่น หลายแบรนด์แต่ตัวที่น่าจับตามองในหมวดหมู่ Scanner ระดับโปรคงหนีไม่พ้นตัว Creality Raptor X และตัว EinScan Rigil ที่ได้รับความสนใจในกลุ่มลูกค้าผู้ใช้งาน
3D Scanner ระดับโปร อย่างล้นหลาม หลายคนสับสนว่าจะเลือกตัวไหนดี ไม่แน่ใจว่างานของตัวเองเหมาะกับ Scanner ตัวไหน จึงมีคำถามกันมามากมาย และอยากให้ทำข้อมูลเปรีบยเทียบกันระหว่าง
EinScan Rigil กับ Raptor X ในบทความนี้เราจะมาเปรียบเทียบ ไขข้อสงสัยการทำงานทุกมิติของเครื่องสแกนทั้ง 2 รุ่นให้เห็นกันแบบจัดเต็ม ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอก Hardware ไปยันการใช้งาน
ว่าตัวไหนเหมาะกับใครบ้าง ไปดูกันเลยครับ
- Hardware ลักษณะรูปร่างภายนอก
- Scanner Mode Stand Alone
- Scanner Mode Wireless PC และ Wired PC
- จุดเด่นของ Rigil
- จุดเด่นของ Raptor X
- สรุป
Hardware ลักษณะรูปร่างภายนอก
Raptor X
มาเริ่มดูที่ประเด็นแรกกันก่อนเลย สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกตัว Raptor X มาในกล่องบรรจุสไตล์ดุดันแบบทหาร ให้ความรู้สึกทนทานพร้อมพกพาได้อย่างมืออาชีพ ตัวเครื่องทำงานโดยต่อพ่วง
กับด้ามจับBridge ที่เป็นทั้งแบตเตอรี่ในตัวและตัวส่งสัญญาณ Wi-Fi ไปยังคอมพิวเตอร์ ที่สามารถถอดแยกได้หากทำงานแบบต่อสายกับคอมพิวเตอร์ ตัวเครื่องออกแบบมาในลุดเท่ดุดัน
แบบสไตล์ไฮเทค แต่เรียบง่ายไม่เทอะทะดูจับถนัดมือ ฐานของด้ามจับมีความมั่นคง สามารถวางตั้งบนโต๊ะได้เลย ตัวปุ่มควบคุมต่างๆของตัวเครื่องมีเพียงไม่กี่ปุ่ม สามารถเข้าใจได้ง่าย เพียงกดปุ่มเปิด
ที่ด้ามจับก็พร้อมสำหรับการทำงานแล้ว แต่ส่วนที่ดูอาจจะขัดตาสำหรับใครหลายๆคง ผมคิดว่าคงเป็นส่วนของสายไฟที่เสียบระหว่าง Bridge กับตัวเครื่องที่อาจดูเกะกะไปซะหน่อย แต่ก็ไม่ได้มีปัญหา
กับการใช้งาน Hardware ของเครื่องโดยรวมก็จะประกอบด้วยกล้อง ไฟส่องสว่าง เลเซอร์ และอินฟาเรด ที่ทำงานร่วมกับ Bridge เพียงเท่านี้ ไม่ได้มีหน่วยประมวลผลและเก็บข้องมูลในตัว
โดยการใช้งานแบบพกพาจะใช้วิธีการเชื่อมต่อไปยังมือถือแทน
Rigil
คราวนี้มาดูกันที่ Rigil สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกตัว Rigil มาในกล่องบรรจุแบบ Soft box ที่ให้ความรู้สึกเรียบหรูนุ่มนวล ขนาดกล่องเล็กกว่า Raptor X ดูพกพาได้แบบสะดวกสบาย ตัวเครื่องออกแบบ
มาในรูปลักษณ์แบบเรียบหรูด้วยวัสดุที่ดูพรีเมียม ด้ามจับทรงกระบอกที่ไม่ได้มีฐานสำหรับวางตั้งเครื่อง น่าจะเพราะต้องการให้เครื่องดูเรียบหรูที่สุด แต่จะแถมตัวที่วางเครื่องมาให้ จะเป็นการวางแบบนอน
ซึ่งส่วนตัวผมรู้สึกว่าวางนอนปลอดภัยกว่า ตัว Hardware ของเครื่องะประกอบไปด้วยกล้อง ไฟส่องสว่าง เลเซอร์ และอินฟาเรดเหมือนกับ Raptor X แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามานั่นก็คือตัวหน้าจอหน่วยประมวลผล
หรือจะเรียกว่าเป็นคอมพิวเตอร์ที่ติดกับตัวเครื่องก็ว่าได้ ออกแบบมาคล้ายสมาทโฟนโดยควบคุมการใช้งานเครื่อสแกนผ่านจอทัชสกรีน ตัวเครื่องมีเพียงปุ่มเปิด-ปิดแค่ปุ่มเดียวเท่านั้น สำหรับตัวด้ามจับ
จะเป็นที่ใส่แบตเตอรี่ในตัว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจดเด่นของเครื่องนี้เลยที่สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ช่วยให้ทำงานได้ต่อเนื่อง
คุณสมบัติ | EinScan Rigil | Raptor X |
NIR (infrared) | มี | มี |
Cross Blue Laser เลเซอร์สีฟ้าแบบตัดกัน | 19+19 (38เส้น) | 34เส้น |
Parallel Blue Laser เลเซอร์สีฟ้าขนานกัน | 7เส้น | 7เส้น |
Stand Alone | Bulit-in 8Core 2.4GHz CPU, GPU Nvidia, 32GB DDR5 SSD 1TB | ต้องต่อกับมือถือ ผ่าน App |
Wireliess / Cable PC mode | Wifi 6 / Cable | Wifi 6 / Cable |
Battery | External Batter, ถ่านเป็นก้อน สามารถซื้อเพิ่มได้ | Built-in |
จุดเด่น | เป็นตัว Stand Alone ที่ดีมาก ตัวเดียวจบ เอาไปสแกนหน้างาน เก็บไฟล์มาทำต่อในคอมพิวเตอร์ | เรื่องราคาที่ถูกกว่า |
Scanner Mode Stand Alone
เริ่มแรกเราก็มาเริ่มเปรียบเทียบให้ดูกันเลยใน Mode Stand Alone ซึ่งเครื่องทั้ง 2 รุ่นนี้สามารถทำได้ทั้งคู่ แต่ทำงานในรูปแบบที่แตกต่างกัน
การสแกน
สำหรับตัว Raptor X จะทำงานใน Mode Stand Alone ด้วยการเชื่อมต่อ Wi-Fi กับมือถือ และทำงานผ่านแอพ Creality Scan ซึ่งประสิทธิภาพการสแกนทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับมือถือที่ใช้ ซึ่งต้องบอกก่อนว่า
มือถือทั่วไป จะไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานกับเครื่องสแกนโดยฉพาะ จึงแน่นอนว่าการประมวลผลจะทำออกมาได้ไม่ดีนัก ถ้าเทียบกับการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อประมวลผล แต่หากสแกนงาน
ไม่ใหญ่มากที่จะเป็นต้องใช้งานแบบ Stand Alone ก็ยังพอไปได้ครับ ลองดูตัวอย่างการสแกนใน Mode Stand Alone ของ Raptor X กัน จะเห็นได้ว่าสแกนได้ไม่เร็วนัก ด้วยข้อจำกัดด้าน Hardware
และแอพพลิเคชั่นทำให้การสแกนด้วย Laser ใน Mode Stan Alone รองรับแค่การสแกนแบบ Parallel เท่านั้นจึงสแกนได้ค่อนข้างช้า มีการ Tracking Loss บ้าง และ Frame Rate ที่สแกนได้จะไม่สูงมาก
จะมีการหน่วงของการทำงาน และการควบคุมอาจมีดีเลย์บ้าง และ RaptorX ใช้เวลาการสแกนมากกว่าทั้งการสแกนด้วย Laser และ IR เพราะพื้นที่การสแกนเก็บได้ไม่กว้างเท่า Rigil
ความเร็วการสแกน laser | (ซ้าย)RaptorX – (ขวา)Rigil
ความเร็วการสแกน IR | | (ซ้าย)RaptorX – (ขวา)Rigil
มาดูกันในฝั่งของ Rigil กันบ้าง แน่นอนว่าเพียงแค่เห็นรูปลักษณ์ภายนอก และตัว Hardware ของเครื่องก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าน่าจะทำงานได้ดีกว่า เป็นเครื่องที่ดูก็รู้แล้วว่าออกแบบมาเพื่อทำงาน
แบบ Stand Alone โดยเฉพาะ ซึ่ง Rigil มีคอมพิวเตอร์ประมวลผลในตัวที่ออกแบบมาให้ทำงานกับเครื่อง 3D Scanner โดยเฉพาะ ทำให้หน่วยประมวลผล ทั้ง CPU และ GPU รองรับเพียงพอต่อการทำงาน
แถมมี Ram ถึง 32 GB และ SSD ถึง 1 TB ทำให้ทำงานกับไฟล์ขนาดใหญ่ได้ดี มาลองดูตัวอย่างการสแกนจริงแบบ Stand Alone กัน จะเห็นได้ว่าความเร็วการสแกนนั้นเรียกได้ว่าน่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว
สแกนไวกว่า Raptor X อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็ไม่ได้คิดไปเอง เพราะใน Spec Sheet ของทั้ง 2 รุ่นระบุไว้ว่าความเร็วการสแกนสูงสุด ( Cross Laser ) ของ Rigil อยู่ที่ 4.4 ล้านจุด/วินาที ในขณะที่ Raptor X
ความเร็วเพียง 1.02 ล้านจุด/วินาทีเท่านั้น ต่างกันถึง 4 เท่า จะเห็นได้ว่านอกจากความเร็วที่เหนือกว่าแล้ว Rigil ยังมีพื้นที่การสแกนที่กว้างกว่าในทุก Light Source ด้วย โดยที่การควบคุมการสแกน
ของ Rigil ทำผ่านหน้าจอทัชสกรีนได้อย่างลื่นไหล รวมถึงการควมคุม 3D viewport นั้นสมูธมาก
การประมวลผล
เมื่อสแกนเสร็จสิ่งที่จะมาวัดกันต่อไปก็คือการประมวลผล ซึ่งทั้ง 2 รุ่นสามารถส่งต่อไฟล์ไปประมวลผลบนคอมพิวเตอร์ได้อยู่แล้ว หากจะทำงานอย่างรวดเร็วนอกสถาณที่ผมแนะนำว่าสแกนก่อนแล้วค่อย
เก็บไฟล์ไปประมวลผลที่ Office จะทำงานได้เร็วกว่า แต่หากต้องการดูคุณภาพงานสแกนที่หน้างานเลย หรือมีความจำเป็นต้องส่งออกไฟล์ไปใช้งานเลยก็อาจจะต้องประมวลผลไฟล์เลย ซึ่งต้องใช้เวลา
การทำงานมากขึ้น ฉะนั้นเราจะมาดูในเรื่องของการประมวลผลของทั้ง 2 รุ่นเลย

ในส่วนของ Raptor X ที่ใช้หน่วยประมวลผลและหน่วยความจำจากมือถือ 100 % เลย แน่นอนว่าคงไม่สามารถประมวลผลแบบประสิทธิภาพสูงได้ ถึงแม้เราจะใช้มือถือที่มีความแรงพอสมควรแต่ด้วยข้อจำกัด
ด้านการทำงานผ่านแอพพลิเคชั่นและ Hardware ก็ทำให้โดยรวมทำงานได้ไม่เร็วนัก เพียงแค่กระบวนการ Generate ตัว Raw Data ให้เป็น Point Cloud กลับใช้เวลาไปประมาณ 10-15 นาที ซึ่งยังไม่ได้สร้าง
Mesh เลยด้วยซ้ำ

มาดูกันในฝั่งของ Rigil กันบ้าง กับการทำงานผ่านคอมพิวเตอร์ในตัว พร้อมระบบปฏิบัติการที่ออกแบบให้ใช้กับเครื่องสแกน Rigil โดยเฉพาะ ผ่าน Interface ที่ User Friendly มาก ทำให้การใช้งานเข้าใจได้
ไม่ยาก ซึ่งในการทำงานหลังจากสแกนเสร็จ สิ่งที่ผมว้าวมาก คือเราจะได้ Point Cloud สำหรับประมวลผลเป็น Mesh เลย ซึ่งต่างจาก Raptor X ที่ Process จะเป็น Raw Data > Point Cloud > Mesh
ตามลำดับ ซึ่งผลลัพธ์การทำงานน่าสนใจมาก เพราะเราได้ใช้ Raptor X สแกนงานก่อนแล้วจึงใช้ Rigil สแกนทีหลัง แล้วทำการกดประมวลผลทั้งคู่ ในขณะที่เรากำลังสร้าง Point Cloud ใน Raptor X
แต่สำหรับ Rigil นั้นกลับสร้าง Mesh เสร็จแล้ว ซึ่งใช้เวลาไปไม่ถึง 5 นาทีเท่านั้นเอง
ผลลัพธ์งานสแกนและการจัดการไฟล์สแกน
ลองมาดูที่ผลลัพธ์การสแกนของทั้งสองเครื่องกัน จะเห็นว่าคุณภาพการสแกนของ Rigil Scan เก็บข้อมูลได้ดีกว่าและรายละเอียดคมกว่าอย่างเห็นได้ชัด ใน Mode Laser สามารถสแกนเก็บ Detail
ตัวอักษรบนล้อแม็กได้

แต่ใน Mode IR ให้ผลลัพธ์ที่ไกล้เคียงกัน

ส่วนในเรื่องของการจัดการไฟล์ Raptor X จะเก็บไฟล์ใน Storage ของมือถือเลยซึ่งไฟล์สแกนมีขนาดใหญ่เมื่อกินพื้นที่จัดเก็บมากๆเข้าอาจทำให้มือถือทำงานช้าลง แต่กลับกัน Rigil มีพื้นที่เก็บถึง 1 TB
ที่เป็น Harddisk แบบ SSD ที่อ่าน-เขียนข้อมูลได้ไว ทำให้การจัดการไฟล์โปรเจ็กการสแกนต่างๆลื่นไหลมาก นองจากนี้ Rigil ยังสามารถเก็บไฟล์ไว้บน Clound ของ Shining 3D ได้อีกด้วยทำให้
การจัดการไฟล์ค่อนข้างยืดหยุ่นกว่ามาก
สรุปการทำงานใน Mode Stand Alone ของทั้งสองเครื่อง ซึ่งจะเป็นหมวดที่เห็นความแตกต่างเด่นชัดที่สุด Rigil สามารถทำงานด้วยตัวเองได้เลยแบบ 100% ด้วย Hardware อันทรงพลังในตัว
ทำให้ความเร็วในการสแกนเร็วกว่า Raptor X พอสมควร การประมวลผลไฟล์หลังสแกนเสร็จ Rigil ถือว่าชนะขาดทั้งในเรื่อง Process และความเร็ว แถมการจัดการไฟล์ Rigil ค่อนข้างทำได้ดีกว่า
สรุปแล้ว Match นี้ Rigil เป็นฝ่ายชนะครับ
Scanner Mode Wireless PC และ Wired PC
มาถึงยกที่ 2 กันครับสำหรับการทำงานใน Mode Wireless PC (การต่อ Wi-Fi ไปยังคอมพิวเตอร์) และ Wired PC (การต่อสายกับคอมพิวเตอร์) ซึ่งเป็นโหมดการทำงานหลักของ 3D Scanner
แทบทุกเครื่องซึ่งในยกนี้จะเป็นการใช้ ประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ในการประมวลผล เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเปรียบกัน เราจะใช้เครื่องสแกนทั้ง 2 รุ่นผ่านคอมพิวเตอร์ตัวเดียวกันสเปคเดียวกัน
เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่เปรียบเทียบกันได้อย่างเท่าเทียม โดยจะสแกนด้วยความละเอียดสูงสุดทั้งคู่เพื่อแสดงประสิทธิภาพสูงสุดที่แต่ละเครื่องทำได้ ซึ่งทำให้เวลาสแกน อาจไม่ใช้เวลาดีสุดที่เครื่องทำได้
หากงานของคุณไม่ได้เน้นที่รายละเอียดอาจใช้ความละเอียดที่น้อยลงเพื่อการทำงานที่เร็วขึ้นได้
Wireless PC
เป็นโหมดที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความสะดวกและประสิทธิภาพการทำงาน เพราะใช้ประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ในการประมวลผลและเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi เพื่อความสะดวกในการทำงานโดยเครื่องสแกน
ทั้ง 2 รุ่น จะรองรับ Wi-Fi 6 ทั้งคู่ ในการสแกน Raptor X และ Rigil สแกนได้อย่างลื่นไหลเมื่อผ่าน Wi-Fi ระดับการทำงานใน Mode Laser ทั้งแบบ Cross และ Parallel ยังไม่ค่อยแตกต่างกันมากอย่างมีนัยยะ
ใน Mode Cross Laser Rigil ยังคงทำงานได้เร็วกว่า Raptor X ประมาณนึง แต่ที่น่าสนใจคือใน Mode Parallel Laser ตัว Raptor X กลับรู้สึกว่าสเถียรกว่า ส่วนตัวผมชอบซอพแวร์ของฝั่ง Creality
มากกว่านิดหน่อย เพราะดูใช้งานง่ายและสเถียรกว่าซอฟแวร์ของ Rigil ที่เดาได้ว่าเป็ซอฟแวร์ที่ยังใหม่อยู่ ในอนาคตอาจดีขึ้น แต่โดยรวมประสิทธิภาพการทำงานของทั้ง 2 รุ่นนั้นไม่ได้แตกต่างกันมาก
อย่างเห็นได้ชัดในการทำงานแบบ Wireless PC
ความเร็วการสแกน Cross Laser | (ซ้าย)RaptorX – (ขวา)Rigil
ความเร็วการสแกน Parallel Laser | (ซ้าย)RaptorX – (ขวา)Rigil
ผลลัพธ์ที่ได้น่าสนใจ แม้จะเป็นเครื่องสแกนระดับโปรทั้งคู่ แต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันประมาณนึง จะเห็นได้ว่าผลลัพธ์ของทางฝั่ง Rigil ค่อนข้างคมชัดกว่า


มาดูกันในด้านการสแกนแบบ IR หรืออินฟาเรดกันบ้าง สิ่งที่เห็ได้ชัดคือ Rigil สามารถปรับระยะการทำงานได้เพื่อไม่ให้สแกนติดกำแพงด้านหลังและมีระยะในการสแกนที่ดีกว่ามาก พื้นที่ในการสแกนเก็บข้อมูล
มากกว่าเมื่อเทียบกับ RaptorX จะเห็นว่าต้องเข้าไปไกล้พอสมควร ทำให้การสแกนเก็บทั้งตัวใช้เวลามากกว่า
ความเร็วการสแกน IR | (ซ้าย)RaptorX – (ขวา)Rigil
ผลลัพธ์การสแกนด้วยอินฟาเรดของทั้ง 2 เครื่องให้ผลลัพธ์พอกัน

Wired PC
โหมดนี้จะเน้นไปที่คุณภาพและประสิธิภาพสูงสุด แต่แลกมาด้วยความเกะกะของสาย จึงทำให้สแกนวัตถุได้ไม่ใหญ่มาก โดยจากที่ลองใช้งานทั้งสองเครื่องพบว่าคุณภาพและความเร็วในการสแกน
ทำงานได้เร็วขึ้นประมาณนึง สังเกตุได้จากอัตรการกระพริบของแสงเมื่อเทียบกับ Wi-Fi และผมรู้สึกว่าการสแกนแบบต่อสายเกิด Tracking loss น้อยมากหรือไม่เกิดเลย
ความเร็วการสแกน IR | (ซ้าย)RaptorX – (ขวา)Rigil
ทั้ง 2 เครื่อง ผลลัพธ์แทบไม่ต่างจากการทำงานแบบต่อ Wi-Fi
จุดเด่นของ Rigil
Rigil เด่นเรื่องการทำงานจบในตัวเองแบบ Standalone ได้ 100% จริงๆ จะเหมาะกับการทำงาน Onsite มากกว่า ซึ่งให้ประสิทธิภาพการสแกนระดับโปรเลย กับอีกสิ่งที่น่าสนใจก็คือเรื่อง Rigil ยังมีอีกหนึ่ง
ฟังก์ชันเด็ดซ่อนอยู่ นั่นก็คือการสแกนแบบ Feature Alignment หรือคือการสแกนด้วย Laser แบบไม่ติด Marker นั่นเอง แม้ประสิธิภาพอาจไม่ดีเท่าแบบติด Marker แต่ก็ทำให้ทำงานได้ในสถานการณ์
ที่ไม่สามารถติด Marker บนตัวชิ้นงานได้ ( Mode นี้จะทำงานได้โดยการเชื่อมต่อกับคอมเท่านั้น )


นอกจากนั้นอีกหนึ่งส่วนที่น่าสนใจของ Rigil นั่นก็คือเรื่องของ Battery ที่ใช้แบบ External Battery หรือถอดเปลี่ยนได้ ทำให้เราสามารถสลับแบตให้ทำงานได้ยาวๆ แม้เรื่องราคาหากเทียบกับ Raptor X
แล้วจะแพงกว่า อันเนื่องมาจากหน่วยประมวลผล หน้าจอสัมผัส Built-in CPU, GPU, RAM, SSD และระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาใช้งานสแกนโดยเฉพาะ แต่หากต้องการเครื่องสแกนเพื่อใช้งาน
แบบ Stand Alone เป็นหลัก จะคุ้มค่ากว่ามากหากต้องไปใช้งานเครื่องสแกนแบบต่อมือถือ แล้วซื้อมือถือเพิ่ม ซึ่งทำงานได้ไม่สเถียรเท่า ดังนั้นหากไม่ติดเรื่องงบแนะนำเป็น Rigil เลยครับคุ้มค่าแน่นอน
จุดเด่นของ Raptor X
Raptor X ถ้าเทียบกันแล้วจุดเด่นที่เห็นได้ชัดก็คือเรื่องราคาที่ถูกกว่า หากไม่ได้กะว่าจะไปสแกน Standalone การทำงานหลักเป็นแบบต่อ Wireless หรือ ต่อ Cable กับคอม ตัวนี้ก็ทำงานได้อย่างลื่นไหลแล้ว
ยิ่งการทำงานแบบต่อสายกับคอมอาจทำงานได้สะดวกกว่าเพราะสามารถถอดแยก Bridge ออกได้ทำให้จับถนัดมือและนำหนักเบามากขึ้น ทำงานได้ยาวๆ แถมไม่ต้องกังวลเรื่อแบตเพราะต่อกับ Adaptor
ได้เลย ( Rigil ที่ทำงานแบบต่อสายกับคอมไม่ได้ชาร์จแบตเข้าตัวเครื่องต้องถอกแบตออกมาชาร์จเอง )
สรุป
หลังจากได้ลองใช้เครื่องสแกนทั้ง 2 รุ่นที่เป็นเครื่องสำหรับสแกนงานระดับโปรทั้งคู่ ได้ข้อสรุปแบบนี้ครับ ว่าหากงานของที่ต้องการสแกนเป็นงานที่สแกนอยู่ในออฟฟิศไม่ได้เน้นออกนอกสถาณที่และโฟกัส
ที่เรื่องงบเป็นหลัก เลือก Raptor X ก็เพียงพอและคุ้มค่าแล้วครับ แต่ถ้าหากต้องการเน้นไปที่การสแกนงานแบบ Onsite นอกสถาณที่เป็นหลัก คล่องตัวและจบงานในตัวแบบมือโปร เลือกตัว Rigil เลยครับ
รับรองว่าตอบโจทย์คุ้มค่าแน่นอน หรือถ้าใครที่ไม่ติดเรื่องงบ แม้จะสแกนในออฟฟิศเป็นหลักแต่อยากเน้นที่ประสิทธิภาพ คุณภาพของงานสแกน เลือก Rigil ก็ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
-
HotInfraredLaserWireless
EinScan Rigil 3D Scanner | Laser Scanner All-in-1, NIR มีหน้าจอและหน่วยประมวลผลในตัว
189,000.00 ฿ Add to cart -
3D Scanner Marker Combo Set
1,990.00 ฿ Add to cart -
InfraredLaserWireless
Creality Raptor Pro สแกนสามมิติ Wireless NIR | Parallel Laser 7 | Cross Laser 22
Price range: 12,900.00 ฿ through 69,900.00 ฿ Select options This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page -
HotInfraredLaserWireless
Creality Raptor X สแกนสามมิติ Wireless NIR | Parallel Laser 7 | Cross Laser 34
Price range: 12,900.00 ฿ through 129,000.00 ฿ Select options This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page