Filamentย่อยสลายได้100%

Filamentย่อยสลายได้100%

บริษัทผลิตFilamentสำหรับ3D printer ในประเทศสาธารณรัฐเช็คประสบความสำเร็จการผลิตFilamentที่ทำจากวัสดุย่อยสลายได้แบบ100% โดยที่เจ้าFilamentตัวนี้จะเกิดจากการผสมกันระหว่างโพลีแลคติก(PLA)กับโพลีไฮดรอกบิวทิเรต(PHB) ที่จะทำให้เส้นตัวนี้มีความแข็งแรงมากขึ้นและยังมีคุณสมบัติที่ทนต่ออุณหภูมิสุงได้ถึงขั้นเอามาทำแก้วกาแฟได้เลย และที่สำคัญFilamentนี้ยังสามารถนำมาใช้ซ้ำได้ทั้งหมด

***โพลีไฮดรอกบิวทิเรต(PHB)คือ พลาสติกที่สังเคราะห์มาจากสารประกอบคาร์บอนของวัสดุอินทรียสาร โดยดั้งเดิมนำมาจากเซลล์ของจุลินทรีย์ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสุงทำให้ไม่เป็นที่นิยมในบ้านเราและใช้งานเฉพาะด้านเท่านั้น ต่อมาได้ทำการใช้สารประกอบคาร์บอนจากผลผลิตทางการเกษตรแทน เช่น อ้อย มันสำปะหลัง(แหล่งกำเนิดเดียวกับPLA)

ก่อนหน้านี้ได้มีการวิจัยพลาสติกย่อยสลายได้โดยการสรา้งออกโซ-ไบโอพลาสติก ซึ่งเป็นพลาสติกธรรมดาที่เติมสารที่ทีให้ย่อยสลายได้เมื่อมีออกซิเจน แต่อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถย่อยสลายได้หมดซึ่งอาจทำให้มีสารพิษตกค้างสู่พื้นดินและทะเล
การวิจัยในครั้งนี้ได้มีการร่วมมืแกันรหว่างผู้ผลิตกับมหาวิทยาลัยเทคนิคสโลวัคในประเทศสโลวาเกียเพื่อที่จะให้ได้ซึ่งพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้อย่าง100% โดยเป้าหมายหลักคือพลาสติกชนิดนี้ต้องสามารถนำไปใส่ในปุ๋ยหมักกับเศษอาหารจากโรงงานและจากครัวเรือนวึ่งการย่อยสลายจะเร็วกว่าPLAถึง3เท่าตัวเลยทีเดียว โดยสารPHBจะทำให้เกิดกระบวนการย่อยสลายได้เร็วขึ้น

Filament ชินดนี้ได้ใช้ในชื่อ NonOilen โดยคุณสมบัติเส้นชนิดนี้ทั่วๆไปนั้นมันคือPLAดีๆนี่เอง แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือมีความแข็ง ความเหนียวที่เหนือกว่าถึงหลาเท่าตัวอีกทั้งยังสามารถทนความร้อนได้สูงถึง110องศาเซลเซียส(ABSทนได้อยู่ที่105องศาเซลซียส) และยังง่ายต่อการพิมพ์อย่างมากเพราะจะใช้อุณหภูมิที่180-195องศาเซลเซียส เมื่อพิมพ์ออกมาจะมีงานลักษณะเงาเป็นธรรมชาติ ชิ้นงานที่ถูกพิมพ์ออกมานั้นยังมีอายุที่ยาวนานและยังใช้กับอาหารได้ด้วย

ในการวิจัยFilamentชนิดนี้นั้นได้ทำการพิมพ์ชิ้นงานออกมาแล้วทำมาหลอมทำเส้นให่อีกครั้งอยู่หลายร้อยครั้งเลยทีเดียวก็ยังสามารถใช้ได้ แล้วเมื่อนำไปฝังกลบก็ยังสามารถย่อยสลายได้โดยที่ไม่มีสารพิษตกค้างอยู่ในดินเลย

จะเห็นว่าเส้นพลาสติกที่ผลิตจากกระบวนการรีไซเคิลหรือการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้นเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ยังมีขายเพียงน้อยชนิดเท่านั้น ซึ่งในอนาคต3D printerอาจจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทุกบ้านมีไว้ก็เป็นได้ ก่อนจะถึงขั้นนั้นวัสดุที่ไร้พิษภัยจะต้องมีมาเพื่อให้ทุกคนสรา้งสรรค์งานได้อย่างสบายใจ