ระบบ LiDAR (Light Detection and Ranging) คือเทคโนโลยีที่ใช้เลเซอร์ในการวัดระยะทางเพื่อสร้างแบบจำลอง 3 มิติของพื้นที่หรือวัตถุ โดยเริ่มพัฒนาตั้งแต่ทศวรรษ 1960 ในด้านการทหารและการบิน ต่อมาพัฒนาร่วมกับระบบ GPS และ IMU ทำให้มีความแม่นยำสูงขึ้น ปัจจุบัน LiDAR ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในหลายสาขา เช่น การสำรวจภูมิประเทศ การวางผังเมือง การเกษตร และระบบรถยนต์ไร้คนขับ เทคโนโลยีมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบติดตั้งบนอากาศ บนพื้นดิน และในรถยนต์ โดยมุ่งเน้นให้มีขนาดเล็กลง ราคาถูกลง และทำงานได้แบบเรียลไทม์ เพื่อรองรับการใช้งานในอนาคตที่หลากหลายยิ่งขึ้น ระบบ LiDAR ทำงานได้ ดีมากในหลายด้าน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นที่ใช้ในการตรวจจับและวัดระยะ เช่น กล้องหรือเรดาร์ ข้อดีของ LiDAR คือความแม่นยำสูง ความละเอียดของข้อมูลมาก และสามารถทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
55555555555
ซึ่งหากมองกันในทุกวันนี้นั้นตลาดของกลุ่มเทคโนโลยี LIdar นั้นถือว่ากระจายออกไปได้ทุกๆ อุตสาหกรรมเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นหอุตสาหกรรมรถยนต์ที่หลายคนคงจะทราบว่าสามารถช่วยในการขับขี่บนท้องถนนได้ดีพอๆ กันกับการที่ใช้คนบังคับรถยนต์เลยทีเดียว (อ่านเพิ่มเติม) และนอกจากเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น สิ่งที่ตามมาคือต้นทุนที่ถูกลงอย่างเห็นได้ชัด อาจจะเป็นเพราะว่าตัดบางส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปก็เป็นได้ ซึ่งวันนี้ทีมงาน Print3DD จะพามาเปรียบเทียบอุปกรณ์สำรวจระบบ Lidar Scanner กันอย่างเจาะลึกว่าหลักจากที่รุ่นใหญ่อย่าง Slam100 ทำตลาดมา 2-3 ปีแล้ว กับรุ่นน้องอย่าง Eagle Scanner น้องเล็กที่พึ่งเปิดตัวแต่กลับสร้างความฮือฮาไปทั่วนั้นจะมีข้อดีข้อด้อยต่างกันอย่างไร
ตารางเปรียบเทียบ Tech Specs
Models/Specs | Slam 100 Lidar Scanner | Eagle LiDAR Scanner |
Accuracy |
Relative Cccuracy : 2 cm
Absolute Cccuracy : 5 cm |
2cm@10m; 3cm@20m; 5cm@40m |
Scan Radius | 60-120 m | 40–70m (measured at >10% or >80% reflectivity) |
Scan Range | 120-240 m | 80–140m |
Scan Angle | Horizontal 360°, Vertical 270° | Horizontal 360°, Vertical 59° |
Point Cloud Frequency | 320,000 points/second | 200,000 points/second |
Laser Light Source | – | 905nm |
Eye Safety | Class 1 | Class 1 (IEC60825-1:2014) |
HDR Mode | – | Supports 3–5 EV |
Color Texture | 5 MP x 3 cameras | Max Edition:4×48MP fisheye cameras;Standard Edition:1×48MP fisheye camera |
Image Quality Output | 2592 x 1944 MP | 8K Panoramic Color Output |
Data Interface | SD Card | USB-Type C ×2 |
Network Support | Wifi | Wi-Fi5 |
Screen | non
( control by Smartphone ) |
3.5″ of screen |
Output Formats | 3D Color Point Cloud
(.LAS , .E57) |
3D Color Point Cloud (PLY); 3D Gaussian Splatting (PLY); 3D Colored Polygonal Model (OBJ); 3D Panoramic Tour Data (OBJ) |
Built-in Battery | 3,350 mAh x 4 | 12,000mAh (supports 1 hour of work; external power supply supported) |
Dimensions | 372 x 163 x 106 mm | 115 x 181 x 106 mm |
Weight | 1.7 kg (with batterry) | 1.5 kg |
Configuration | – | 8 Cores @ 2.4GHz, 32GB (TF card expansion supported) |
ขนาด และมิติของตัวเครื่อง

สำหรับมิติตัวเครื่องนั้น ทั้งสองตัวสามารถทำได้ไม่ต่างกันนัก เพราะด้วยรูปแบบการทำงานแบบ Handhel ที่ต้องใช้การถือ และให้ส่วนกล้องนั้นอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังของผู้สแกน ทำให้ต้องมีส่วนที่สามารถถือหรือจับได้อย่างกระชับมือเป็นสำคัญ ซึ่งถ้าถามถึงมิติตัวเครื่องนั้นทาง Slam 100 Lidar Scanner จะอยู่ที่ 372 x 163 x 106 mm และในส่วนของ Eagle LiDAR Scanner จะอยู่ที่ 115 x 181 x 106 mm ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกันอยู่ระดับหนึ่งแต่โดยภาพรวมนั้นทาง Eagle LiDAR Scanner จะได้เปรียบอยู่เล็กน้อยเพราะ Eagle LiDAR Scanner ได้ตัดโมดูลที่เป็นเกลียวหมุนออกไปทำให้การจับถือและการดูแลรักษานั้นง่ายกว่า Slam 100 Lidar Scanner อยู่พอสมควร ถึงขนาดขนาดจะต่างกันไม่มากนักแต่สำหรับน้ำหนักนั้นยังคงใกล้เคียงกัน ซึ่งทั้ง 2 ตัวนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 1.6-1.7 กิโลกรัม
ระยะและความละเอียดในการสแกนพื้นที่


ในส่วนของระยะและความละเอียดที่ได้จาการสแกนนั้นต้องพูดกันตามตรงว่า Slam 100 Lidar Scanner จะได้เปรียบในทุกมิติ เพราะว่าการสแกนของ Slam 100 นั้นถือว่าสามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม โดยสามารถสแกนได้ในระยะไกลถึง 120 เมตร และ ความละเอียดของ Point Cloud นั้นอยู่ที่ 320,000 จุดต่อวินาที ซึ่งถือว่าละเอียดที่สุดในระดับคุณภาพและราคาเดียวกัน แต่วำหรับ Eagle LiDAR Scanner นั้นถือว่าก็ทำได้ดีในระดับ และราคาที่เปิดตัวออกมา โดยสามารถสแกนได้ในรัศมีถึง 70 เมตร และความละเอียดอยู่ที่ 200,000 จุดต่อวินาที ซึ่งถ้ามองในมุมมองของผู้ใช้งานนั้นทั้ง 2 รุ่นอาจจะถูกแบบออกเป็นคนละวัตถุประสงค์ โดย Slam 100 อาจจะเหมาะกับงานขนาดใหญ่อย่างเช่น สนามกีฬา วัด หรือตึกสูงในเมือง แต่สำหรับ Eagle LiDAR Scanner อาจจะเหมาะกับสถานที่ที่ระบุเจาะจงลงไปเช่น ต้องการสำหรับอ๊อฟฟิตเพื่อการปรับปรุง หรือคอนโดที่ต้องการวัดขนาด และรายละเอียกอื่นๆ เป็นต้น
ระบบการใช้งาน และซอร์ฟแวร์
สำหรับด้านการใช้งานในสถานที่จริงนั้นต้องบอกว่าทั้ง 2 ตัวนั้นถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ง่าย ไม่ยุ่งยากมากนัก แต่จะมีจุดแตกต่างกันที่การควบคุมอุปกรณ์ที่จะเห็นได้ชุด เพราะใน Slam 100 นั้นจะใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนในการควบคุมการใช้งาน โดยที่เรานั้นสามารถต่อสัญญาณ Wifi จากตัวเครื่องและใช้งานผ่านแอพ Slam Go ได้ทันที แต่หากเราต้องการใช้งานในรูปแบบไม่มีโทรศัพท์ก็สามารถใช้งานได้เช่นกันเพียวแค่กดปุ่ม Power ค้างไว้ประมาณ 3-5 วินาทีตัว Slam 100 ก็จะทำการสแกนได้ทันที


แต่สำหรับ Eagle LiDAR Scanner นั้นอาจจะเป็นข้อดีที่เปิดตัวหลัง Slam100 ประมาณ 1 ปี จึงมีเวลานำข้อที่ผู้ใช้งานแนะนำไปปรับปรุงในสินค้าของตัวเอง สิ่งที่เด่นที่สุดก็คือ เราสามารถควบคุมการทำงานผ่านจอ LCD ที่อยู่ด้านหลังเครื่องได้ทันทีและสามารถเริ่มและจบงานได้ในเครื่องเดียวไม่จำเป็นต้องเชื่อมโทรศัพท์มือถือ และเราสามารถตรวจสอบงานได้อย่าง Real time ผ่านอุปกรณ์ได้นั่นเอง
ภาพรวมและความคุ้มค่า
Slam 100 Lidar Scanner ในภาพรวมนั้นถือว่าเป็นอุปกรณ์ Space Capture ที่ประสิทธิภาพสูงเพราะ เนื่องจากสามารถทำงานในสถานที่ใหญ่และกว้างเป็นพิเศษ เช่น สนามกีฬา อาคารหอประชุมขนาดใหญ่ หรือพื้นที่กว้างเช่น สวนผลไม้ ท้องนา หรือป่าไม้ โดยเครื่องนั้นสามารถเก็ยรายละเอียดในช่วงที่สำคัญได้เป็นอย่างดี และมีอัตราการล้มเหลวของงานที่น้อยมาก หรือสามารถการันตีได้เลยว่า เมื่อเรานำเครื่องออกไปสแกนแล้วไม่มีแนวโน้มที่งานจะเสียได้เลย แต่ด้วยตัวเครื่องที่มีราคาค่อนข้างสูง อาจจะทำให้ตัดสินค้ายากสักหน่อย แต่คิดว่าคุ้มค่ากับการลงทุนอย่างแน่นอน
Eagle LiDAR Scanner ในส่วยของภาพรวมของเครื่องนี้นั้น ถือว่าสร้างความตกใจได้พอสมควรเพราะด้วยราคาที่เปิดมาไม่ถึง 200,000 บาท ทำให้คู่แข่งในตลาดนั้นตื่นตัวอย่างรวมเร็ว แต่ในราคาที่ถูกลงนั่นก็จะมีบางอย่างที่ถูกตัดออกไปหลายส่วน ทั้งระยะในการสแกน หรือความละเอียดของ Point Cloud ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยจะอยู่ที่ 200,000 จุดต่อวินาทีเท่านั้น ทำให้สเกลการสแกนนั้นแน่นอนต้องแคบลงมา ซึ่งมองว่าประสิทธิภาพประมาณนี้อาจจะเหมาะกับการสแกนในสถานที่ไม่ใหญ่มากนัก เช่น อ๊อฟฟิตที่ต้องการการปรับปรุง การสแกนคอนโดที่ต้องการตกแต่งหรืองานที่เป็นการปรับปรุงหรืองานที่ไม่เหญ่เกิน 50-60 เมตร เท่านั้น แต่หากเทียบกับราคาแล้วถือว่าสามารถบจับต้องได้โดยไม่ยากนัก
-
Space Capture
Eagle LiDAR Scanner with RTK Module | เครื่องสแกนพื้นที่ สำรวจพื้นที่ Space Capture
169,900.00 ฿ Add to cart -
Space Capture
GALOIS M2 (Realsee) | กล้องเก็บภาพ 3มิติระดับสูง 3D Professional LiDAR Camera
Original price was: 299,000.00 ฿.249,000.00 ฿Current price is: 249,000.00 ฿. Add to cart -
Virtual World Package บริการสร้างโลกเสมือนให้ธุรกิจของคุณ | ร้านค้า360องศา | โชว์รูม VR
เริ่มต้น 5,000.- Add to cart -
LaserSpace Capture
Matterport Pro3 3D Laser Lidar Scanner : สำหรับการสำรวจ และ Virtual Tour
Original price was: 259,000.00 ฿.239,000.00 ฿Current price is: 239,000.00 ฿. Add to cart -
LaserSpace Capture
SLAM100 Handheld Lidar Scanner | Space Capture แบบมือถือระดับโปรเครื่องแรกที่ต่ำกว่าล้าน
779,000.00 ฿ Add to cart -
InfraredSpace Capture
Matterport Pro2 (2022 Edition) 3D Camera For 360Tour
Original price was: 139,000.00 ฿.99,900.00 ฿Current price is: 99,900.00 ฿. Add to cart -
Matterport Axis Gimbal + Tripod สำหรับถ่ายภาพ 360
4,490.00 ฿ Add to cart