Review 3D Printer FDM ที่มีความเร็วสูง ใช้งานง่าย ปลอดภัยอย่าง Flashforge Adventurer 5m/5mPro

Review 3D Printer FDM ที่มีความเร็วสูง ใช้งานง่าย ปลอดภัยอย่าง Flashforge Adventurer 5m/5mPro

หัวข้อบทความ เลือกสิ่งที่อยากรู้ก่อนได้เลย

Flashforge Adventurer Series
Flashforge บริษัทผลิต 3D Printer ที่มีอายุเกือบ 15ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก และได้ผลิต Flashforge Adventurer Series มาแล้วถึง 11ปี โดยมี Concept ที่ว่า ต้องใช้งานง่าย ปลอดภัย ดูทันสมัย หรือเรียกได้ว่าเป็นมิตรกับผู้ใช้นั่นเอง โดยรุ่นแรกในปี 2012 ที่มาในชื่อ Flashforge Adventurer 1 และค่อยไล่ขึ้นมาในปีถัดไป 2013 Flashforge Adventurer 2 ซึ่งได้รับความนิยมระดับนึง จนมาถึงปี 2018 ที่ได้อัพเกรดขึ้นมาให้ดูทันสมัยน่าใช้มากขึ้น อย่าง Flashforge adventurer3 โดยได้รับความนิยมมากๆจนมาถึงปัจจุบันก็ยังมีหลายๆที่ยังใช้อยู่ จนกระทั่งในปี 2021 ได้พลิกโฉมวงการพิมพ์ขึ้นมาเป็นรุ่น Flashforge Adventurer 4 ซึ่งเป็นรุ่นที่ขายดีมากๆ ไม่ว่าจะกี่ล็อตก็หมดทันที และยังมีการอัพเกรดเป็นตัว Pro ให้เข้ากับยุคสมัยหรือเทรนการใช้งาน 3D Printer ที่มีความเร็วสูง ซึ่งเข้ากับเทรนของตลาด 3D Printer ในสมัยนี้ ซึ่งได้รับความนิยมมากๆ แต่ก็ไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับ 3D Printer ความเร็วสูง จึงได้ออกตัวรุ่นใหม่อย่าง Flashforge Adventurer 5M และ Flashforge Adventurer 5M Pro ซึ่งวันนี้เราจะมารีวิวให้ดูว่ามีอะไรที่น่าใช้งาน โดยเปรียบเทียบกัน

Flashforge Adventurer 5m/5mPro
3D Printer ที่ออกแบบมาให้รองรับกับความเร็วจาก 0-600mm/s นับว่าเป็นตัวที่เร็ว รวมถึงเสถียรมากๆ โดยตัวเครื่องเป็นรูปแบบโครงสร้างเหล็ก ทำให้การพิมพ์มีความเสถียรอย่างมาก เพราะข้อด้อยส่วนใหญ่ของเครื่องที่มีความเร็วสูงและอัตราเร่งที่สูงมักจะมีปัญหาการความคุมของเครื่องที่มีการกระแทกจนทำให้เครื่องพิพม์ของเราขยับ และทำให้ชิ้นงานภายในเคลื่อนได้ โดย Flashforge Adventurer 5M /5m Pro มีอัตราเร่งสูงสุดที่ 20,000mm/s และไม่มีข้อด้อยในจุดนั้น แถมการใช้งานที่แสนง่าย ไม่ต้องติดตั้งให้ยุ่งยากเพียงแกะกล่องสามารถใช้งานได้เลย และยังมีระบบ Auto leveling การปรับฐานพิมพ์อัตโนมัติ ที่สามารถเลือกแบบ Manual เองได้ ต่างจากหลายรุ่นที่บังคับ Auto โดยไม่ระวังเรื่องการใช้งานในอนาคต และหัวฉีดสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายและไวมากโดยไม่ต้องมีอุปกรณ์อื่นๆเลย ทำให้สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ผู้เริ่มต้นไปถึงระดับมืออาชีพ การรีวิวเราจะเริ่มต้นจาก Flashforge Adventurer 5M และไปที่ Flashforge Adventurer 5M Pro


รีวิว Flashforge Adventurer 5M
Flashforge Adventurer 5M มาในรูปแบบโครงสร้างเหล็กแบบเปิดโล่ง กับหน้าจอทัชสกรีนขนาด 4:3 นิ้ว ที่จะต้องติดตั้งก่อนใช้งาน และการใส่ม้วนเส้นที่ด้านหลัง ซึ่งตัวเครื่องมาพร้อมกับแผ่นรองพิมพ์แบบ PEI Flexible ในส่วของหัวพิมพ์เป็นแบบที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ด้วยมือเปล่า หรือเรียกว่า Quick Release Nozzle ที่มาในแกนรูปแบบ Core XY โดยมีฐานพิมพ์เลื่อนขึ้นลง เรียกได้ว่าการจะมาเป็นเจ้าตลาดความเร็ว เพราะความเร็วในการพิมพ์ที่ทำได้ 600mm/s และอัตราการกระชาก หรืออัตราเร่งสูงสุดที่ 20,000mm/s

การติดตั้งเพื่อใช้งาน
Flashforge Adventurer 5M อย่างที่เกริ่นไปเบื้องต้นว่าตัวเครื่องออกมาแทบไม่ต้องทำอย่างอื่นสิ่งที่ต้องทำคือการประกอบหน้าจอ ทำได้ง่ายๆเพียง ลองเทปกาวปกป้องที่ติดการสายแพรออก และทำการใส่เข้าไปกับส่วนด้านหลังของจอ และจากนั้นก็ทำการประกอบเข้าที่หน้าเครื่อง ในส่วนที่ดูยุ่งยากที่สุดก็มีเพียงเท่านี้ ที่เหลือเพียงไขน็อตล็อคฐานและใช้งานได้เลย

แผ่นรองพิมพ์ PEI Flexible Plate
อย่างที่รู้กันว่า Flashforge Adventurer Series คอนเซ็ปต์จะต้องใช้งาน เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน สิ่งที่ออกแบบมานั้นเรียกได้ว่าฉลาดมากๆและน่าสนใจกว่าเดิมจากเมื่อก่อนเป็นเพียง PEI Plate อย่างเเดียวในตอนนี้พัฒนาให้สามารถใช้งานได้ทั้ง2ด้าน ทำให้ง่ายและประหยัดขึ้น แถมยังแกะชิ้นงานง่ายอีกด้วยเพียงแค่บิดๆ ชิ้นงานก็หลุดจากแผ่นรองพิมพ์แล้ว

ขนาดที่พิมพ์ได้ของ Flashforge Adventurer 5M
ก่อนที่จะไปถึงขนาดที่พิมพ์ได้มาดูหลักการทำงานของเครื่องกันก่อน Flashforge Adventurer 5M มาในรูปแบบ Core XY ที่หัวฉีดจะทำการวิ่งอย่างอิสระ ในส่วนแนวนอน และฐานพิมพ์จะทำหน้าที่ในการด้านแกน Z หรือความสูงนั่นเอง ในส่วนรางของแกน Z มาใรูปแบบของ Ball Screw มีความเสถียรและชิ้นงานละเอียดไม่มี Layer Shift แน่นอน   เนื่องจาก Flashforge Adventurer 5M มีการ Carlibrater Vibration เพื่อทดสอบการเคลื่อนตัวของหัวและตัวเครื่องก่อนทำการพิมพ์ ซึ่งขนาดที่ Flashforge Adventurer 5M พิมพ์ได้นั้นอยู่ที่ 22*22*22 cm

การเก็บส่วนสายไฟ
การเก็บสายไฟสำหรับ Flashforge Adventurer 5M เป็นแบบอิสระโดยยื่นออกมาด้านบนของตัวเครื่อง และท่อนำเรียง


รีวิว Flashforge Adventurer 5M Pro
3D Printer ที่ออกแบบมาให้รองรับกับความเร็วจาก 0-600mm/s นับว่าเป็นตัวที่เร็ว รวมถึงเสถียรมากๆ โดยตัวเครื่องเป็นรูปแบบโครงสร้างเหล็ก ทำให้การพิมพ์มีความเสถียรอย่างมาก เพราะข้อด้อยส่วนใหญ่ของเครื่องที่มีความเร็วสูงและอัตราเร่งที่สูงมักจะมีปัญหาการความคุมของเครื่องที่มีการกระแทกจนทำให้เครื่องพิพม์ของเราขยับ และทำให้ชิ้นงานภายในเคลื่อนได้ โดย Flashforge Adventurer 5M Pro มีอัตราเร่งสูงสุดที่ 20,000mm/s และไม่มีข้อด้อยในจุดนั้น แถมการใช้งานที่แสนง่าย ไม่ต้องติดตั้งให้ยุ่งยากเพียงแกะกล่องสามารถใช้งานได้เลย และยังมีระบบ Auto leveling การปรับฐานพิมพ์อัตโนมัติ ที่สามารถเลือกแบบ Manual เองได้ ต่างจากหลายรุ่นที่บังคับ Auto โดยไม่ระวังเรื่องการใช้งานในอนาคต และหัวฉีดสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายและไวมากโดยไม่ต้องมีอุปกรณ์อื่นๆเลย ทำให้สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ผู้เริ่มต้นไปถึงระดับมืออาชีพ

การติดตั้งใช้งาน
Flashforge Adventurer 5M Pro นอกจากที่แขวนเส้น Filament กับไขน็อตล็อคฐานพิมพ์ก็ไม่มีอย่างอื่นต้องจัดการเลย เรียกได้ว่าแทบจะ Plug & Play ส่วนลักษณะของตัวเครื่องก็มาในรูปแบบโครงสร้างปิด ที่มีประตูเป็นแผ่นอคริลิคเปิดได้ด้านบน และด้านหน้า

ขนาดที่พิมพ์ได้ของ Flashforge Adventurer 5M Pro
ก่อนที่จะไปถึงขนาดที่พิมพ์ได้มาดูหลักการทำงานของเครื่องกันก่อน Flashforge Adventurer 5M Pro มาในรูปแบบ Core XY ที่หัวฉีดจะทำการวิ่งอย่างอิสระ ในส่วนแนวนอน และฐานพิมพ์จะทำหน้าที่ในการด้านแกน Z หรือความสูงนั่นเอง ในส่วนรางของแกน Z มาใรูปแบบของ Ball Screw มีความเสถียรและชิ้นงานละเอียดไม่มี Layer Shift แน่นอน   เนื่องจาก Flashforge Adventurer 5M Pro มีการ Carlibrater Vibration เพื่อทดสอบการเคลื่อนตัวของหัวและตัวเครื่องก่อนทำการพิมพ์ ซึ่งขนาดที่ Flashforge Adventurer 5M Pro พิมพ์ได้นั้นอยู่ที่ 22*22*22 cm เช่นเดียวกันกับ Flashforge Adventurer 5M ทั้งการใช้งานแผ่นพิมพ์ทั้ง 2ด้านเหมือนกัน

การเก็บส่วนสายไฟ
การเก็บสายไฟสำหรับ Flashforge Adventurer 5M Pro เป็นแบบ Fix โดยการใช้กระดูกงู นำเข้าสู่หัวพิมพ์

Flashforge Adventurer 5M Pro เเพิ่มพัดลมเป่าชิ้นงานที่หัวฉีดถึง 2ตัว และภายในตัวเครื่อง
ระบบการกรองกลิ่นด้วย HEPA 13 Filter

การควบคุมอุณหภูมิ
เคล็ดลับการพิมพ์ให้เร็วขึ้นและการความคุม อุณหภูมิของ Flashforge Adventurer 5M Pro เรียกได้ว่าพิเศษมากๆโดยการเพิ่มพัดลมเป่าชิ้นงานที่หัวฉีดถึง 2ตัว และภายในตัวเครื่องอีก แต่พัดลมภายในตัวเครื่องนั้นก็จะมีระบบการกรองอีกครั้งด้วย HEPA 13 Filter

Camera Build In
สำหรับ Flashforge Adventurer 5M Pro นั้นเพิ่มเข้ามาคือ Camera Build In มีความสามารถดูชิ้นงานภายในเครื่อง และถ่ายภาพ วีดีโอไทม์แลปส์ได้ เพื่อนำไปใช้งานต่อหรือทำ Presentation รายงานสรุปได้


สิ่งที่เหมือนกัน Flashforge Adventurer 5M/5M Pro

โครงเครื่องเป็นเหล็ก Core XY เหมือนกัน

โครงเครื่องและการทำงาน
Flashforge Adventurer 5M/5M Pro สิ่งที่ให้มาเหมือนกันอย่างแรกเลยคือโครงเครื่องเป็นเหล็กทั้งคู่ มีเพียง Flashforge Adventurer 5M Pro ที่มีบอดี้Coverด้านนอกปิดเป็นพลาสติกและแผ่นอคริลิคใสในการปิด และเป็น Core XY เหมือนกัน 

Extruder Nozzle Module
หัวฉีด Direct Drive มีความเร็วในการพิมพ์ถึง 600mm/s โดยมีอัตราการเร่งอยู่ที่ 20000mm/s นอกจากความเร็วแล้ว ยังมี Smooth printing surface ให้ผิวของโมเดลเราดูเนียนสวยมากขึ้น และหัวพิมพ์เองยังสามารถทำความร้อนได้ 280℃ และหัวฉีดแบบพัดลมคู่ การชดเชยการสั่นสะเทือน ซึ่งทำให้รองรับ เส้นได้หลากหลาย รวมถึงเส้น Composit ที่ต้องการความร้อนสูงอย่าง PLA-CF , PETG-CF และนอกจากนี้เป็นหัวฉีดแบบ Direct Drive Extruder ที่สามารถใช้งานเส้น TPU หรือเส้น Elastic ได้ ตัว Nozzle เองก็มาในรูปแบบทั้งชิ้น ทำให้การสับเปลี่ยนของหัวฉีดนั้นทำได้อย่างง่ายดายไม่ถึง 5วินาที

Auto Leveling 
หัวพิมพ์มีเซ็นเซอร์ปรับระดับของตัวเอง ระบบปรับระดับอัจฉริยะ สามารถชดเชยตั้งค่าความไม่สม่ำเสมอของฐานความร้อนได้โดยอัตโนมัติ ใช้งานง่าย แม้แต่ผู้ใช้ระดับเริ่มต้นก็สามารถปรับระดับและพิมพ์ได้อย่างง่ายดาย
และนอกจากนี้ฐานพิมพ์เองยังสามารถทำความร้อนได้สูงถึง 110°C ทำให้การพิมพ์ชิ้นงานติดฐานได้ง่ายและตลอดเวลา

Filament Feed
การใส่เส้น Filament ของ Flashforge Adventurer 5m /5M Pro นั้นเริ่มจากที่เราจะนำที่แขวนเส้นภายในกล่องเครื่องมือออกมาเพื่อทำการไขน็อตเข้าไปด้านหลัง เพื่อแขวนม้วนเส้น Filament ของเรา จากนั้นทำการลำเรียงเส้นผ่านท่อ Tube Guide สีขาว เนื่องจากท่อนี้มีการลำเรียงผ่าน Filament Detech หรือ Filament Check เพื่อเอาไว้ป้องกันเมื่อเส้นของเราหมดม้วนระหว่างทางการพิมพ์ เครื่องจะหยุดการทำงานทันที เพื่อรอให้เราใส่เส้น Filamentเข้าไปใหม่

Resume Printing 
เป็นระบบที่ดีมากๆสำหรับ 3D Printer ในยุคสมัยใหม่ เพราะการทำงานของเครื่อง 3D Printer ส่วนใหญ่จะเป็นการทำงานในระยะยาวจะไม่ค่อยมีการสั่งพิมพ์ใน 10-15 นาทีแล้วจบ ถึงต่อให้เครื่องสามารถพิมพ์ได้เร็วมากๆก็ตาม เพราะฉนั้นการที่มี Resume Printing ตัวป้องกันเมื่อเวลาไฟดับ เครื่องจะหยุดทำงานทันที และเมื่อไฟกลับมาปกติจะมีการสอบถามเกี่ยวกับการทำงานใหม่ หรือจะทำต่อเนื่องเลย เรียกได้ว่าชิ้นงานไม่เสียทิ้งไปอย่างฟรีๆแน่นอน


สิ่งที่ไม่เหมือนกัน Flashforge Adventurer 5M/5M Pro

สรุปสิ่งที่ไม่เหมือนกัน
สเปคที่แตกต่างกัน

หน้าจอการทำงานมีอะไรบ้าง

Home – หน้าจอหลัก มีส่วนของการตั้งค่าหน้าเครื่องเช่นความเร็ว ความร้อน จำนวนเลเยอร์ รวมถึงการเปิดปิดไฟ LED ภายในเครื่อง
File Print – เป็นไฟล์ที่เราทำการสไลด์แล้วส่งมาที่เครื่องสำหรับการพิมพ์ครั้งต่อไป ซึ่งเป็นความจำหลัก และมีอีกส่วนเป็นการเปิดไฟล์ที่อยู่ใน FlashDrive เพื่อทำการก็อปปี้ลงเครื่อง
Filament Printing – โหลดเส้น Filament , Change Filament , Cleaning
Setting – ในส่วนนี้จะเป็นการตั้งค่าการ Carlibrate เครื่อง Position ,Wifi Connect , Cloud กล้องและอื่นๆ
Machine Info – เป็ยการดูชื่อเครื่อง IP Version ของเครื่องรวมถึงการเปิดและปิดกล้อง Sensor ต่างๆ


สรุป

ทั้ง2รุ่นเป็นรุ่นที่เหมือนกันเกือบทุกอย่าง และมีความเร็วสูงในการพิมพ์ ถึง 600mm/s โดยมีอัตราการเร่งอยู่ที่ 20000mm/s ในส่วนอื่นๆแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยในส่วนของการปิดและควบคุมอุณหภูมิของการพิมพ์ชิ้นงานซึ่ง Flashforge Adventurer 5M Pro ทำได้ดีกว่า และ Feature ที่เยอะกว่า รวมถึงพวกวัสดุที่มีความอันตาราย Composit Filament แต่ทั้งคู่สามารถใช้ได้กับงาน Hobby , การศึกษา , การผลิตเบื้องต้น , Engineering ,งาน Art toy เรียกได้ว่าตั้งแต่ผู้เริ่มต้น ไปจนถึงระดับมืออาชีพ ถ้าให้เลือกระหว่าง Flashforge Adventurer 5Mหรือ Flashforge Adventurer 5M Pro สำหรับงานทั่วไปจะเชียร์ให้เล่น Flashforge Adventurer 5Mมากกว่าเนื่องจากราคาที่ถูกกว่า และน่าเล่นมากกว่า ให้ความรู้สึกว่า เป็นเครื่องที่ใช้งานง่าย

ตัวอย่างที่พิมพ์จาก Adventurer 5M / 5M Pro

 

Mahanakhon 3D Printed model

ใครก็พิมพ์ได้ที่บ้าน แค่มีเครือ่ง 3D Printer ตัวอย่างของผมใช้ Adv 5M Pro พิมพ์เร็วหน่อยใช้เวลาประมาณ 2.5ชม.

เครื่องพิมพ์ 3 มิติระบบเส้น สำหรับผู้เริ่มต้น ฟังชั่นเพียบ สำหรับผู้เริ่มต้น
เครื่องพิมพ์ 3มิติ รูปแบบโครงที่ถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย เหมาะกับผู้เริ่มต้น ฟังชั่นเยอะ และราคาถูกมาก