Flashforge Hunter เป็นเครื่องพิมพ์ ระบบเรซิ่น DLP Printer (ใช้ UV Projector เป็นแหล่งกำเนิดแสง) ความละเอียดของจุดแสงคือ 0.0625mm (ค่าละเอียดตามแนวระนาบ(XY) ยิ่งน้อยยิ่งละเอียด), ความละเอียดในแนวดิ่ง 0.025mm และ 0.05mm (ค่าละเอียดในแนวดิ่ง(Z)/ความของของแต่ละชั้น(layer thickness)
ตัวเครื่อง
ตัวเครื่องออกมาหล่อ/ดูดีเอาการ ดูเหมือน Flashforge เน้นการดีไซน์มากขี้น การ Packing ถือว่าทำดีพอควร มีการบุโฟมและทำโมลโฟมออกมาโดยเฉพาะในการ Pack ดังนั้นเรื่องการขนส่งไม่น่ามีปัญหา ออกแบบให้ส่วนที่พิมพ์ กับส่วนที่ฉายแสงแยกออกจากกันชัดเจน(น้ำเรซิ่นไม่หกไปโดนส่วนฉายแสงเครื่องมีพนังสองชั้นกันคือ ถาดพิมพ์ กับ กระจกอีกแผ่นกั้นอีกชั้น) โดรงสร้างส่วนที่เคลื่อนที่,แกน Z,แขนจับ,ส่วนของถาดพิมพ์ ใช้วัสดุดีดูแข็งแรงเป็นอย่างมากอันนี้น่าชมเชย แต่ส่วนอื่นที่เป็นโครงฝาปิด/โครงด้านนอกทำเป็นพลาสติก แม้จะดูสวยและเบา แต่ส่วนตัวคิดว่าทำโครงปิดด้านนอกเป็นอลูมิเนียมจะดีมากกว่า
ใช้เวลาในการ unbox ประมาณ 10 นาทีเห็นจะได้ ที่สำคัญคือสามารถพิมพ์ได้เลยไม่ต้อง Setting หรือ Calibrate ให้ยุ่งยาก(Flashforge อ้างว่าเครื่องที่ซื้อมา Calibrate แล้วไม่จำเป็นต้องทำอีก) โดยเรซิ่นที่ให้มานั้นเป็นเรซิ่นธรรมดา 500g (เราได้ Test เป็นสีเทา) Software ใช้งานค่อนข้างง่ายหากใครเคยใช้ FlashPrint ก็ยิ่งง่ายเขาไปใหญ่ เอาไฟล์ SLT ใส่เข้าไป > กำหนดค่า > สั่งพิมพ์ได้เลย โดยสามารถพิมพ์ได้ 3 วิธี Thumb drive, Wifi, USB Port
ความสามารถของตัวเครื่อง/จุดเด่น
1. ใช้เรซิ่นได้หลายตัวไม่ล็อค เราสามารถเซตค่าแสงได้ใน Software FlashPrint เช่น เวลาในหน่วยวินาทีที่ฉายในแต่ละชั้น และความเข้มแสง (เรซิ่นแต่ละตัวจะแข็งตัวในเวลาที่แตกต่างกัน)
2. มีระบบ Smoothness ส่วนตัวเคยทำเครื่อง DLP แบบสร้างเอง(Creation Workshop และ software ตัวอื่นๆ), เครื่อง DLP แบบไม่มีระบบ Smoothness และแบบที่มีระบบ Smoothness ทำให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนของการมีและไม่มีระบบ Smoothness / Flashforge ทำระบบนี้ออกมาได้ดีเลยที่เดียว ทำให้งานที่ออกมาดูเนียนขึ้นเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในแนว XY (ส่วนในแนว Z เราปรับเองได้อยู่แล้วว่าจะเอา Layer Thickness หนากี่ไมครอน 25um หรือ 50um)
3. UV Projector อายุการใช้งาน 50,000ชม. UV โปรเจคเตอร์แตกต่างกับ โปรเจคเตอร์ที่ใช้กันทั่วไปตรงที่โปรเจคเตอร์ธรรมจะฉายแสงทุกย่านสี ทำให้โปรเจคเตอร์ค่อนข้างร้อน และอายุการใช้งานสั่นกว่า UV Projector จะคล้ายเครื่องฉายทั่วไปแต่ออกมาเฉพาะ UV 405um ทำให้อายุการใช้งานนานกว่า และเป็นย่านที่ตรงกับการแข็งของเรซิ่นกว่า
4. เป็นแค่ฟิลม์ไม่ต้องเปลี่นทั้งฐาน โดยปกติแล้วทั่วๆ เครื่องระบบนี้จะต้องเปลี่ยนถาดทั้งถาด ราคาตั้งแต่ 5,000 ถึง 20,000บาท แล้วแต่ยี่ห้อ แต่ Hunter เปลี่ยนที่ฟิลม์ ซึ่งราคาถูกกว่ามาก (แต่ก็ต้องถอดน็อตออกมาเปลี่ยน)
5. Low Cost Maintenance นอกจากฟิลม์ที่ต้องเปลี่ยนตามการใช้งานแล้ว ส่วนที่เป็นวัสดุสิ้นเปลืองของเครื่องนี้ ไม่ค่อยมี
6. จอสัมผัส interface ดูด้วยดี เห็น Preview ว่าเรากำลังพิมพ์อะไรอยู่
7. สั่งพิมพ์ได้ทั้ง USB Stick, Wifi, USB Port ส่วนตัวชอบใช้ USB Stick ที่สุด Save เป็นจ็อบๆใช้ USB แล้วไปเสียบเครื่องพิมพ์เลยสะดวกดี
Software
ซอฟแวร์ที่ใช้ชื่อ FlashPrint เป็นซอฟแวร์ที่พัฒนาโดย Flashforge เอง การใช้งานคล้ายระบบ FDM (FlashPrint ซอฟแวร์เดียวใช้ได้ทั้ง Creator Pro, Dreamer, Finder, Hunter) โดย Software สร้างทำการทั่วๆไป เช่น ย่อ/ขยาย, วางตำแหน่งชิ้นงาน, สร้าง Support มีความสามารถอื่นเพิ่มเติมเข้ามาด้วยเป็น คำสั่งตัดชิ้นงาน / สามารถสร้างใช้ชิ้นงานกลวงได้ หรือ infill ได้ (ทดลองพิมพ์แล้ว ลดการใช้น้ำยา และ ลดแรงสูญญากาศได้ดี) เราทำเป็น Video ให้เห็นวิธีการทำงาน
สามารถทำใช้ชิ้นงานกลวงได้เลย Hollow หรือ Infill ได้เลย ตามปกติแล้ว Software ของเครื่องพิมพ์ระบบเรซิ่นจะไม่มีฟังก์ชั่นนี้มาให้ ต้องไปทำให้กลวงหรือ Hollow ใน Software ตัวอื่นก่อนเช่น MeshMixer แต่เราสามารถทำให้ชิ้นงานกลวงหรือสร้างอินฟิลล์ภายในโดย FlashPrint เลยจบในตัวเดียว ข้อดีของการทำชิ้นงานให้กลวงหรืออินฟิลล์ คือประหยัดการใช้ resin และ ลดแรงสูญญากาศที่ทำต่อฐานพิมพ์(ชิ้นงานพิมพ์สำเร็จมากกว่า, ยืดอายุการใช้งานแผ่นฟิลม์ได้นานขี้น)
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของเครื่อง เราสามารถตั้งค่า Parameter ในการฉายแสงได้ ลดความเข้มแสงได้ อันนี้ดีอย่างไง? ตอบคือ Flashforge Hunter เปิดโอกาสให้ใช้เรซิ่นชนิดต่างๆในท้องตลาด เนื่องจากเรซิ่นแต่ละตัวใช้เวลาในการฉายแสงไม่เท่ากัน หากจะใช้ เรซิ่น Party ก็เซตค่าเองเลย ขณะนี้เริ่มมีผู้ผลิตเรซิ่นจำนวนมากขึ้น ที่สำคัญต้องตรวจดูว่าอยู่ในช่วงความยาวคลื่น 405nm หรือไม่ (ในท้องตลาดเรซิ่นจำนวนมากแข็งที่ 405nm) Flashforge Hunter จึงใช้เรซิ่นได้หลากหลายยี่ห้อ ที่เราลอง Test ดูแล้วนอกจากของ Flashforge เองแล้ว ก็มียี่ห้อ Funtodo, MiiCraft
Note : พิมพ์สวยไม่สวยนั้น เรซิ่นมีส่วนมาก
คุณภาพการพิมพ์
ทดลองพิมพ์มาแล้ว เก็บรายละเอียดได้ดี อักษรเห็นชัดเจน
ข้อดี
1. คุณภาพพิมพ์ดี เก็บรายละเอียดดี หน้าตาเครื่องดูดี
2. ราคาคุ้มค่า (เมื่อเทียบกับคุณภาพ)
3. ราคาในการบำรุงรักษาต่ำ Flashforge อ้างว่าโปรเจคเตอร์ใช้ได้ 50,000 ชม. ใช้กันจนลืมไปเลย, แผ่นฟิลม์ที่ฐานหลักร้อย
4. Software มีระบบ smoothness ทำให้พิมพ์ได้สวย
5. ใช้เรซิ่นได้หลากหลายไม่ล็อค, ใช้ Projector UV 405um เรื่องความเข้มแสงไม่ต้องห่วงเข้มจนไม่ควรมองตาเปล่า และไม่มีย่านแสงสีอื่นมารบกวน ซึ่งใช้ได้กับเรซิ่นทั่วไปทั้ง แบบหล่อ แบบแข็ง แบบหยุ่น
6. ต่อจากข้อ 4 เลือกเรซิ่นได้ต้องแต่ ตัวถูกหลักพัน(Funtodo,Miicraft) ตัวแพงหลักหมื่น(Envision,materialise)
ข้อเสีย
1. Software (ณ ปัจจุบัน) ยังไม่ฉลาดในการสร้าง Support สร้างได้ทื่อๆ สร้างเองดีกว่า
2. ฐานพิมพ์ Platform เซาะล่อง แกะยากมาก ผู้ผลิตต้องการให้ชิ้นงานติดฐานดี แต่มันติดดีเกินไป
3. Wifi ยังไม่เสถียร และนำพิมพ์ผ่าน Thumbdrive
รูปเพิ่มเติม
